มักซ์ เอเบิร์ล หวนคืน บาเยิร์น มิวนิค อีกครั้ง แต่เปลี่ยนบทบาทจากเคยเป็นนักเตะก้าวขึ้นมาเป็นทีมบริหารของยักษ์ใหญ่แคว้นบาวาเรีย

มักซ์ เอเบิร์ล ใช้เวลาทำงานกับ มึนเช่นกลัดบัค นาน 17 ปี ไล่จากตำแหน่งผู้จัดการอะคาเดมี่ในช่วงปี 2005-2008 ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการกีฬาระหว่างปี 2008-2022 จากนั้นเขาย้ายมาทำงานกับ แอร์เบ ไลป์ซิก ในเดือนธันวาคมปี 2022 แต่ก็ก้าวลงจากตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาของทีมกระทิงแดงเมืองเบียร์ในช่วงปลายเดือนกันยายนปีถัดมา

บาเยิร์น มิวนิค ที่ชื่นชอบการทำงานของ เอเบิร์ล มาเป็นเวลานานจึงทาบทามมาร่วมงานตั้งแต่เดือนมกราคมจนกระทั่งเขาเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการไปจนถึงเดือนมิถุนายนปี 2027 และมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา 

เอเบิร์ล วัย 50 ปีจะเข้ามาสะสางปัญหาภายในทีมเสือใต้ โดยเฉพาะเรื่องอนาคตของ โยชัว คิมมิค และ อัลฟอนโซ่ เดวิส ในขณะที่สัญญาของนักเตะของทั้งคนกำลังจะสิ้นสุดในช่วงซัมเมอร์ปี 2025 โดยจะทำงานร่วมกับ คริสโตฟ ฟรอยน์ด ผู้อำนวยการชาวออสเตรียน 

'แน่นอนว่าคำถามคือใครจะมาเป็นโค้ชในฤดูกาลหน้า? นี่คือหัวข้อที่เราต้องแก้ไขในด้วยวิธีดีที่สุดก่อน จากนั้นการตัดสินใจเรื่องอื่นๆ จะตามมา ซึ่งแน่นอนว่าเรากำลังเตรียมพร้อมอยู่' เอเบิร์ล กล่าว ก่อนจะพูดถึงประเด็นของ คิมมิค ว่า '(คริสโตฟ ฟรอยน์ด) ได้พูดคุยกับเขาบ้างแล้ว ผมจะนั่งคุยกับเขาด้วย'


เอเบิร์ล เคยมีความผูกพันกับ บาเยิร์น มิวนิค ตั้งแต่วัยเด็ก เขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอะคาเดมี่ทีมดังแคว้นบาวาเรียในช่วงปี 1979-1991 โดยลงเล่นตำแหน่งแบ็กขวา แต่มีโอกาสลงเล่นกับทีมชุดใหญ่เพียงเกมเดียวเท่านั้น จากนั้นเขาย้ายไปค้าแข้งกับ โบคุ่ม, กรอยเธอร์ เฟือร์ธ และ มึนเช่นกลัดบัค จนกระทั่งยุติอาชีพค้าแข้งในปี 2005

'ผมใช้เวลาช่วงวัยรุ่นที่มิวนิค ที่ บาเยิร์น และเติบโตที่นี่ มีสายเลือดบาวาเรียนมากมายอยู่ในตัวผม บ้าน, หัวใจ, อารมณ์ร่วมและความสำเร็จกับสโมสร และคุณสามารถทำให้สิ่งต่างๆเกิดขึ้นได้'

เอเบิร์ล ยังกล่าวถึงการเข้ามาที่สโมสรครั้งแรกตอนอายุ 6 ขวบว่า 'ผมจะไม่มีวันลืมเรื่องนั้น' ก่อนจะหวนคืนมิวนิคอีกครั้งในฐานผู้บริหารโดยเขามองตัวเองว่าเป็น 'ส่วนหนึ่งของทีมที่พยายามสร้างเงื่อนไขดีที่สุดและนำนักเตะดีที่สุดมาสู่ บาเยิร์น'

ผู้อำนวยการกีฬาวัย 50 ปีเคยสร้างชื่อในวงการลูกหนังเมืองเบียร์จากการเซ็นสัญญากับนักเตะหลายคนก่อนหน้านี้และประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมกับต้นสังกัด ซึ่งมี 5 คนที่ต้องกล่าวถึง


5.ฮวน อารานโก้ 

ฮวน อารานโก้ แนวรุกชาวเวเนซูเอล่าอาจมีข้อโต้แย้งว่าควรมีชื่อติด 1 ใน 5 จากลิสต์ผลงานของ เอเบิร์ล หรือไม่ แต่เป็นเพราะการสร้างผลกระทบต่อ มึนเช่นกลัดบัค หลังเขาย้ายมาจาก มายอร์ก้า ในช่วงซัมเมอร์ปี 2009 ด้วยค่าตัวเพียง 3.6 ล้านยูโรและเป็นนักเตะที่ไม่มีใครรู้จักมาก่อน

ขณะที่ ลูเซียง ฟาฟร์ เทรนเนอร์ทีมสิงห์หนุ่มในขณะนั้นยังยอมรับว่าเขามีข้อสงสัยเช่นเดียวกัน แต่ไม่นานนัก ฮวน อารานโก้ ได้ขจัดข้อสงสัยเหล่านั้นออกไป หลังการเปิดตัวบนเวทีบุนเดสลีกาด้วยการทำประตูในการเผชิญหน้ากับ โบคุ่ม ซึ่งเป็น 1 ใน 31 ประตูที่น่าตื่นตาตื่นใจในการลงเล่นกับ มึนเช่นกลัดบัค 171 เกมตลอด 4 ฤดูกาล

อารานโก้ ยังทำอีก 57 แอสซิสต์ในช่วงเวลาของเขาที่ มึนเช่นกลัดบัค ก่อนอำลาสโมสรหลังจบซีซั่น 2013-2014 และยุติอาชีพค้าแข้งกับ คลับ ตีฮัวน่า สโมสรเม็กซิโกหลังจากนั้น


4.โลอีส โอเปนด้า

เอเบิร์ล ใช้เวลาช่วงสั้นๆทำงานกับ แอร์เบ ไลป์ซิก แต่ผู้อำนวยการวัย 50 ปีสามารถสร้างผลกระทบต่อสโมสรเช่นกัน หลังการบริหารจัดการเงินก้อนโตจากการขาย โดมินิค โซบอสไล และ ยอชโก้ กวาร์ดิโอล ให้ ลิเวอร์พูล และ แมนฯซิตี้ โดยแปรเปลี่ยนมาเป็น โอเปนด้า กองหน้าทีมชาติเบลเยียมวัย 24 ปีเป็นหนึ่งในนั้น

ผู้อำนวยการกีฬาของทีมกระทิงแดงเมืองเบียร์ใช้เวลาเจรจากับ ล็องส์ นานพอสมควรและมีการพูดคุยกันหลายรอบจนกระทั่งบรรลุข้อตกลงด้วยการจ่ายเงินเบื้องต้น 45 ล้านยูโรบวกโบนัสอีก 6 ล้านยูโรดึง โอเปนด้า มาเสริมแนวรุกด้วยสัญญาจนถึงปี 2028

การลงทุนดังกล่าวถือว่าคุ้มค่าสำหรับ แอร์เบ ไลป์ซิก หลัง โอเปนด้า สร้างผลกระทบในทันทีด้วยการทำ 17 ประตูกับ 4 แอสซิสต์จากการลงเล่น 24 เกมบนเวทีบุนเดสลีกา โดยกองหน้าวัย 24 ปีสามารถทำประตูได้ในการเผชิญหน้ากับสองทีมหัวแถวอย่าง เลเวอร์คูเซ่น และ บาเยิร์น มิวนิค


3.ชาฟี ซีมอนส์

มิดฟิลด์วัย 20 ปีย้ายมาจาก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง มาเล่นกับ แอร์เบ ไลป์ซิก ด้วยสัญญายืมตัวหนึ่งปีโดยไม่มีอ็อปชั่นเซ็นถาวร หลัง ชาฟี ทำผลงานโดดเด่นกับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ในซีซั่นที่แล้วด้วยการทำ 19 ประตูกับ 9 แอสซิสต์จากการลงเล่นรายการ เนเธอร์แลนด์ส เอเรดิวิซี่ 34 เกม จนกระทั่ง เปแอสเช ใช้เงื่อนไขซื้อตัวกลับและปล่อยมาเล่นกับทีมกระทิงแดงเมืองเบียร์

แม้จะตกเป็นเป้าสนใจของหลายสโมสร แต่ ชาฟี เลือกมาเล่นกับ แอร์เบ ไลป์ซิก และสามารถสร้างผลกระทบต่อทีมไม่ต่างจาก โลอีส โอเปนด้า หลังมิดฟิลด์วัย 20 ปีทำ 6 ประตูกับ 8 แอสซิสต์จากการลงเล่น 24 เกมบนเวทีบุนเดสลีกา ก่อนมิดฟิลด์ชาวดัตช์จะเปิดใจว่า 'ผมรู้สึกว่าเหมือนอยู่บ้านที่นี่แล้ว และผมมีช่วงเวลาที่ดี ผมหวังว่าจะประสบความสำเร็จกับสโมสรและจารึกชื่อของผมไว้ที่นี่' 

แม้ แอร์เบ ไลป์ซิก จะมีความปรารถนาที่จะเซ็นสัญญาถาวรหรือรั้งตัว ชาฟี อยู่กับสโมสรต่อไปอีกหนึ่งปีก็ตาม แต่คงเป็นเรื่องยากที่ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง จะปล่อยเพชรเม็ดงามหลุดมือ เนื่องจากทีมดังฝรั่งเศสมองมิดฟิลด์วัย 20 ปีเป็นหนึ่งในอนาคตของสโมสร


2.กรานิต ชาคา

ชาคา สร้างชื่อเสียงมากที่สุดระหว่างค้าแข้งกับ อาร์เซน่อล ในช่วงปี 2016-2023 ซึ่งก้าวขึ้นมาเป็นกัปตันทีมปืนโตในช่วงเวลาหนึ่ง แต่มิดฟิลด์ชาวสวิสเติบโตมากับ มึนเช่นกลัดบัค นับตั้งแต่ย้ายมาจาก บาเซิ่ล ในช่วงซัมเมอร์ปี 2012 หลัง เอเบิร์ล ดึงมาเติมความแข็งแกร่งในแดนกลางให้ทีมของ ลูเซียง ฟาฟร์ ด้วยค่าตัว 8.5 ล้านยูโร

ในช่วงแรกของ ชาคา กับทีมสิงห์หนุ่มยังเป็นมิดฟิลด์ดิบๆที่มีชื่อเสียงด้านหัวร้อนง่ายควบคุมอารมณ์ไม่เป็น ก่อนเขาจะเติบโตขึ้นตามลำดับภายใต้การเจียรไนของ ฟาฟร์ จนกระทั่งกลายเป็นหนึ่งในยอดกองกลางของลีกเมืองเบียร์และย้ายไปค้าแข้งกับ อาร์เซน่อล ในช่วงซัมเมอร์ปี 2016 ด้วยค่าตัว 35 ล้านยูโร

'เราสูญเสียนักเตะที่ดีมากๆคนหนึ่งไป แต่ค่าตัวที่ตกลงกันไว้ทำให้เรามีโอกาสจะทำการเสริมทีมของเราอย่างสมเหตุสมผล' เอเบิร์ล กล่าวในตอนนั้น 'มันเกี่ยวกับมูลค่า'

ตอนนี้ ชาคา หวนคืนลีกเมืองเบียร์อีกครั้ง หลังย้ายจาก อาร์เซน่อล มาค้าแข้งกับ เลเวอร์คูเซ่น และมีบทบาทสำคัญต่อทีมห้างยาของ ชาเบียร์ อลอนโซ่ ที่กำลังนั่งแท่นจ่าฝูงบุนเดสลีกาในปัจจุบัน


1.มาร์โค รอยส์

เอเบิร์ล สร้างความประหลาดใจด้วยการดึงนักเตะหนุ่มอายุเพียง 20 ปีมาจาก ร็อต ไวส์ อาห์เล่น ในช่วงซัมเมอร์ปี 2009 ก่อนแนวรุกหนุ่มคนนั้นจะสร้างชื่อตั้งแต่เกมประเดิมเวทีบุนเดสลีกาด้วยการลากโซโล่จากระยะ 50 เมตรเข้าไปทะลวงประตู ไมนซ์ ถือเป็นเกมแจ้งเกิดของ มาร์โค รอยส์ ในฐานะนักเตะทีมสิงห์หนุ่มยุค ลูเซียง ฟาฟร์ 

'ผมจำได้ว่า ฮันส์ เมเยอร์ ถามผมเกี่ยวกับการเซ็นสัญญากับ มาร์โค รอยส์' เอเบิร์ล ย้อนความหลัง 'มักซ์, คุณไม่คิดว่าเงิน 800,000 ยูโรสำหรับผู้เล่นลีกาสองที่ทำ 4 ประตูจะเป็นเงินจำนวนมาก?'

'ถ้า ฮันส์ เมเยอร์ พูดแบบนั้น คุณอาจจะไม่แน่ใจ แต่ผมมีความเชื่อมั่นในตัว มาร์โค สูงมาก สัญชาตญาณของผมบอกผมว่าเราจะซื้อศักยภาพที่นี่ แม้ในเวลานั้นมันจะเป็นเงินจำนวนที่มากสำหรับ กลัดบัค ก็ตาม'

การลงทุนครั้งนั้นคุ้มค่าสำหรับ มึนเช่นกลัดบัค หลัง รอยส์ เติบโตขึ้นอย่างมากและมีส่วนสำคัญต่อการช่วยทีมสิงห์หนุ่มรอดพ้นการตกชั้นในปี 2011 และจบอันดับ 12 ในฤดูกาลถัดมา ตลอด 3 ซีซั่น เขาทำ 41 ประตูจากการลงเล่น 109 เกม ก่อน โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จะทำข้อตกลงล่วงหน้าดึงนักเตะเข้าสังกัดตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2012 ด้วยค่าตัวราว 18 ล้านยูโรและโยกสู่ทีมเสือเหลืองในช่วงซัมเมอร์ปีนั้น


ขอบคุณเนื้อหาจาก Thsport.com