"เป็ป กวาร์ดิโอล่า" กลายเป็นสุดยอดผู้จัดการทีมระดับแถวหน้า ในโลกลูกหนังยุคปัจจุบัน

เขาพาทีมที่ตัวเองกุมบังเหียน เก็บเกี่ยวความสำเร็จได้อย่างมากมาย ทั้งบาร์เซโลน่า, บาเยิร์น มิวนิค และปัจจุบันกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ นอกจากความสำเร็จ ในรูปแบบของ “โทรฟี่” เป๊ป ยังสร้างเอกลักษณ์ในการสร้างปรัชญาการคุมทีมของตัวเอง



ไม่ว่าจะเป็นการครอบครองบอล, การผ่านบอล, การจบสกอร์, การยืนตำแหน่ง, การเล่นเกมรับ และการเล่นเกมรุก เป๊ป ปักหมุดความคิดตัวเองอย่างสมบูรณ์ โดยอีกหนึ่งมุมของเป๊ป คือกุนซือที่ทำงานหลังบ้านหนักมากๆ เขาเป็นคนที่ใส่ใจทุกรายละเอียด ทั้งในสนามซ้อม และสนามแข่งขัน



สิ่งเหล่านี้ คือเบื้องหลังที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้ หรือตั้งใจมองข้ามไป เป๊ป เป็นคนที่มี “พรสวรรค์”  ที่ถูกเพิ่มเติมความแข็งแกร่งด้วย “พรแสวง” เราขอนำไปดูเบื้องหลังกันว่า  การเตรียมความพร้อมของชายที่ชื่อ “เป๊ป กวาร์ดิโอล่า” เขาทำอะไรบ้าง ในการสร้างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จนกลายเป็นยอดทีม 


เป๊ป เหมือนกับคนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ นั่นคือการเป็นคนตื่นเช้า เพราะนี่คือวิธีที่ยอดเยี่ยม ในการเริ่มต้นวัน ด้วยการมีเวลาที่มากกว่าคนอื่นๆ ช่วงเวลา 07.30 น. เป๊ป ดึงตัวเองออกมาจากเตียงจากนั้น เขาจะรับประทานอาหารร่วมกับครอบครัว ก่อนจะส่งลูกๆไปโรงเรียน



 หลังจากนั้น เป๊ป จะขับรถมุ่งหน้าไปยังสนามฝึกซ้อมของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ พร้อมกับความคิดในหัวแล้วว่า วันนี้เขาจะทำอะไรบ้าง ? ระหว่างขับรถไปสนามซ้อม เขามักจะเปิด “RAC” ซึ่งเป็นสถานีวิทยุกาตาลัน เพื่อติดตามข่าวสารที่เกิดขึ้นในบ้านเกิดของตัวเอง



เมื่อถึงสนามซ้อม เป๊ป เริ่มต้นด้วยเข้าไปทักทายกับเจ้าหน้าที่ของสโมสร ทตั้งแต่พนักงานต้อนรับ จนถึงพ่อครัว-แม่ครัว เขาชอบเช็ครายการอาหารของนักเตะที่สนามซ้อม เพื่อให้ตรงตามหลักโภชนาการ เขามักคว้าช็อคโกแลตร้อน และเดินขึ้นไปที่ห้องทำงาน



ขั้นตอนต่อมา เป๊ป เลือกที่จะประชุมกับทีมแพทย์ของสโมสร เพื่อคอยดูว่า นักเตะสักคนบาดเจ็บนานแค่ไหน และต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือไม่ โดยเขามองว่า การอัพเดทเรื่องอาการบาดเจ็บของลูกทีม เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เพราะทำให้เขาสามารถวางแผนล่วงหน้าได้ 



กระนั้น เป๊ป ไม่เหมือนกับกุนซือทั่วไป เขามักไม่ปล่อยให้ทีมแพทย์ของสโมสรทำงานเพียงฝ่ายเดียว โดยชอบที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลกันมากกว่า หากเกิดปัญหานักเตะบาดเจ็บ ในเคสที่แตกต่างออกไป เป๊ป ชอบจะโทรหาเพื่อนสนิทของเขา ที่เป็นแพทย์อยู่ที่เมืองบาร์เซโลน่า เพื่อค้นหาข้อมูลอีกทาง



ข้อมูลที่เขาได้มา ถูกนำมาผนวกกับทีมแพทย์ และทีมฟิตเนสของพลพรรค “เรือใบสีฟ้า” เพื่อให้การรักษานักเตะเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด อาจกล่าวได้ว่า เป๊ป เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการทำงานทุกรายละเอียด ไม่เว้นแต่เรื่องที่ดูเหมือนจะไกลตัว อย่างการรักษานักเตะก็ตาม 


สำหรับกฏเหล็กหนึ่งอย่างของเป๊ป ที่วางเอาไว้กับลูกทีม ในการใช้ชีวิตร่วมกันที่สนามฝึกซ้อม นั่นคือนักเตะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทุกคน ถูกสั่งห้ามไม่ให้ใช้โทรศัพท์มือถือ  เพราะเป๊ป อยากให้ทุกคนละสายตาจากหน้าจอ และพูดคุยกันมากขึ้น 



นอกจากนี้ เป็นการให้เกียรติกับทีมงานสตาฟทุกคน ที่ตั้งใจทำงาน และไม่ควรถูกเมินเฉยจากนักเตะ ที่เอาแต่เล่นโทรศัพท์มือถือดังนั้น เราจะไม่เห็นภาพนักเตะเล่นโทรศัพท์มือถือ ในขณะที่นักกายภาพกำลังนวดขาของพวกเขาอยู่



จากนั้น เป๊ป มุ่งสมาธิ และเข้าสู่ขั้นตอนของการชั่งนำ้หนัก ซึ่งผู้เล่นแต่ละคนจะได้รับคำแนะนำ เกี่ยวกับการรับประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ เขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่อง “มวลกล้ามเนื้อ” เป็นอย่างมาก ดังนั้น นักเตะคนไหนเกินมาตรฐานที่ตั้งเอาไว้ เตรียมเจอกับปัญหาได้เลย 



เป๊ป เดินนำลูกทีมเดินลงสู่สนามซ้อม หากว่าเพิ่งผ่านเกมการแข่งขันมา เป๊ป จะเน้นการฝึกแบบเบาๆ เพื่อไม่ให้กล้ามเนื้อของลูกทีมอ่อนล้าเกินไป อย่างไรก็ตาม หากวันนั้นเป็นวันธรรมดา เป๊ป จะใส่ความเข้มข้นลงไปในการฝึกซ้อม 



แน่นอนว่า การซ้อมในแต่ละครั้งของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะเป็นการฝึกซ้อมแบบปิด มีเพียงบุคลากรของสโมสรเท่านั้น ที่ได้รับอนุญาต เป๊ป เป็นคนที่ออกจากสนามซ้อม ด้วยการใส่ความทุ่มเททั้งหมดลงไป และไม่สนใจด้วยว่า สภาพอากาศจะเป็นอย่างไร 



หลังจากฝึกซ้อมเสร็จ นักเตะจะเดินกลับเข้าห้องแต่งตัว แต่หน้าที่ของเป๊ป ยังไม่หมดแค่นั้น สำหรับช่วงพักรับประทานอาหารกลางวัน เป๊ป จะไปพูดคุยกับทีมงานถึงการซ้อมที่เพิ่งผ่านไป อะไรได้ผล, อะไรไม่ได้ผล และอะไรก่อให้เกิดแท็คติกแบบใหม่


เป๊ป ไม่ใช่ผู้นำในรูปแบบที่เป็น “เผด็จการ” เขาไม่ใช่คนที่สั่งขวาต้องไปขวา หรือสั่งซ้ายต้องไปซ้าย เขามักถามความเห็นของคนรอบข้างก่อนเสมอ เขาชื่นชอบให้คนรอบตัว ฝึกฝนความเป็นผู้นำไปพร้อมกัน นี่คือปัจจัยที่เขามองแล้วว่า ช่วยให้สโมสรก้าวไปสู่ความสำเร็จแบบยั่งยืน 



ดังนั้น ทีมงานของเขา จึงเป็นคนที่กล้าออกความคิดเห็น และไม่เกรงกลัวการคิดตรงข้ามกับเขา โดยความคิดที่แตกต่างเหล่านั้น เป๊ป มองว่าเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้เขาเป็นคนที่เปิดใจรับฟัง จนกลายเป็นสุดยอดกุนซือเหมือนทุกวันนี้ 



ทำให้ตลอดทุกการประชุม หลังจากการฝึกซ้อมเสร็จสิ้น มักมีไอเดียใหม่ๆ ไหลทะลักเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย จากนั้น เป๊ป จะเดินกลับขึ้นไปที่ห้องทำงานส่วนตัว ก่อนจะบันทึกข้อมูลจากการฝึกซ้อมประจำวันทั้งหมด ลงในคอมพิวเตอร์ส่วนตัว เพื่อเป็นข้อมูลดิบ และสถิติที่สำคัญ



เมื่อเวลาเดินทางมาถึง 17.00 น. นักเตะ และทีมงานโค้ชต่างเก็บของ และทยอยกันกลับบ้านแล้ว กระนั้น เป๊ป ยังคงทำงานในห้องตัวเองต่อไป ที่สำคัญ เป๊ป เปิดบทเพลงของ “โอเอซิส” คลอไปด้วย เพื่อเป็นการปล่อยจิตใจไปกับเสียงเพลง 



อีกหนึ่งมุมที่น่าสนใจ เป๊ป ไม่ได้นำของส่วนตัวเอามาไว้ในห้องทำงานมากเท่าไหร่นัก แต่หนึ่งสิ่งที่สำคัญคือ เป๊ป จะมีรูปปั้นของ “โยฮันน์ ครัฟฟ์” เอาไว้ข้างกายเสมอ นอกเหนือจากนั้น บนโต๊ะทำงานของเขาจะมีคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง, ดินสอ และกองกระดาษ



หากวันนั้นตรงกับฤดูหนาวที่มืดไว เป๊ป จะเลือกกลับจากสนามซ้อมเวลา 15.30 น. พร้อมกับขนงานกองโตไปทำต่อที่บ้านของตัวเอง 


ขอบคุณเนื้อหาจาก Thsport.com