แม้ต้องออกแรงมากหน่อย แต่สุดท้าย อาร์เซน่อล ก็จัดการกำราบ ไบรท์ตัน ได้สำเร็จพร้อมทวงตำแหน่งจ่าฝูงกลับมา และไม่เสียคืนให้ ลิเวอร์พูล ที่ได้เพียงเสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

มิเกล อาร์เตต้า เลือก 11 ตัวจริงชุดเดิมจากวันปราชัยต่อ แอสตัน วิลล่า ในสัปดาห์ก่อนซึ่งหลายคนได้พักเป็นเพียงสำรองในแชมเปี้ยนส์ ลีก กลางสัปดาห์กับ พีเอสวี 

ขณะที่ ไบรท์ตัน ผ่านเกมกลางสัปดาห์มาเช่นกันในถ้วยยูโรปา ลีก ที่เฉือนชนะ โอลิมปิก มาร์กเซย 1-0 ทำให้แซงคว้าแชมป์กลุ่มและผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายอัตโนมัติ ไม่ต้องไปลุ้นในรอยเพลย์ออฟ

ไบรท์ตัน ถือเป็นอีกทีมจอมแสบที่ทำผลงานได้ดีในการเยือน เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ช่วงหลัง โดยชนะกลับออกมาได้ถึง 3 นัดติดต่อกันในทุกรายการ 

นอกจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แล้ว คงมีไม่กีทีมที่บุกมาตบหน้า อาร์เซน่อล ถึงบ้านได้ต่อเนื่องกันขนาดนี้ 

ครั้งล่าสุดที่ อาร์เซน่อล แพ้คาบ้านก็คือวันที่โดน ไบรท์ตัน บุกยิง 3-0 ในเดือนพฤษภาคมท้ายฤดูกาลที่แล้วซึ่งเป็นช่วงที่ปืนใหญ่ออกอาการอ่อนแรงจน แมนฯ ซิตี้ แซงคว้าแชมป์ในที่สุด

แต่ครั้งนี้ อาร์เซน่อล ถอนแค้นเอาชนะ ไบรท์ตัน ได้เบ็ดเสร็จและน่าจะยิงได้มากกว่า 2 ประตูของ กาเบรียล เชซุส และ ไค ฮาแวร์ตซ์

อาร์เตต้า รู้ซึ้งถึงคุณภาพของ ไบรท์ตัน ที่เรื่องทีมเวิร์กไม่เป็นรองใครหน้าไหน นักเตะเข้าใจระบบการเล่นและแท็กติกของกุนซือ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ เป็นอย่างดี นั่นทำให้ทัพนกนางนวลมีค่าเฉลี่ยการครองบอลและผ่านบอลแม่นยำสุดอันดับสองของลีกรองจาก แมฯ ซิตี้ ทีมเดียว

อาร์เตต้า จึงสั่งลูกทีมไล่เพรสซิ่งตั้งแต่แดนบน บีบการเซตบอลจากข้างหลังของ ไบรท์ตัน ไม่ให้เล่นง่าย และหากผ่านขึ้นมาถึงกลางสนามก็มี เดแคลน ไรซ์ คอยตะปบ


เชซุส โหม่งคนเดียวโล่งๆ ปลดล็อก

อันที่จริง เด แซร์บี้ วางแผนการเล่นช่วงแรกค่อนข้างรัดกุมด้วยเนื่องจากเสียเปรียบความฟิต เขาเปิดเผยก่อนเกมว่าลูกทีมได้ซ้อมเพียงเซสชั่นเดียวหลังจบเกมยุโรปที่หมดพลังไม่น้อยในการแย่งชิงตำแหน่งแชมป์กลุ่มกับ มาร์กเซย

นี่ยังไม่รวมอาการบาดเจ็บของผู้เล่นอีกหลายคนจนต้องดันดาวรุ่งขึ้นมาใช้งานตลอดหลายนัดหลัง

ตลอดครึ่งแรกจึงเป็นเกมแบบ “วันเวย์” ที่ อาร์เซน่อล บุกเข้าใส่ฝ่ายเดียวซึ่งแทบไม่เกิดขึ้นบ่อยนักกับทีมอย่าง ไบรท์ตัน 

ปืนใหญ่ ผ่านบอลด้วยความเร็วออกปีกสองข้างซึ่งเล่นงานเกมรับทีมเยือนได้ต่อเนื่อง และสร้างโอกาสลุ้นยิงอยู่ฝ่ายเดียวทั้งจาก บูคาโย่ ซาก้า, มาร์ติน โอเดการ์ด, กาเบรียล เชซุส และ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ 

แต่โอกาส 15 ครั้งตลอดครึ่งแรก ยังไม่เปลี่ยนเป็นประตูแม้แต่ลูกเดียว หลายจังหวะขาดความแม่นำจึงยิงเข้ากรอบเพียง 3 ครั้ง และก้มหน้าก้มตายิงเองมากไปนิดทั้่งที่น่าจะจ่ายให้เพื่อนที่อยู่ตำแหน่งดีกว่า

อาร์เซน่อล ทำได้ดีทุกอย่างทั้งการไล่บอลแดนบน แย่งบอลแดนกลาง เพียงแต่จังหวะจบแดนสุดท้ายไม่เด็ดขาดเท่าที่ควร 

แต่ต้นครึ่งหลัง ประตูแรกที่ อาร์เซน่อล ต้องการก็มาจนได้จากลูกเตะมุมที่ ยาน พอล ฟาน เฮ็คเค่อ โหม่งเคลียร์เสาแรกโดนไม่เต็ม บอลจึงเลยถึงเสาไกล กาเบรียล เชซุส อยู่คนเดียวโล่งๆ จึงโหม่งตุงตาข่ายง่ายดาย

เกมรับ ไบรท์ตัน พลาดอย่างมากในการประกบตัวในเขตโทษ แต่ขณะเดียวกัน อาร์เซน่อล ก็มีความช่ำชองในการเล่นลูกตั้งเตะขึ้นอย่างมากในช่วง 1-2 ฤดูกาลที่ผ่านมา และการอยู่เสาไกลของคนตัวเล็กอย่าง เชซุส ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน 

ประตูนี้ทำให้เกมเปิดมากยิ่งขึ้น ไบรท์ตัน ปรับโหมดการเล่นเป็นเกมรุกเต็มตัว และทำให้ อาร์เซน่อล ต้องถอยกลับไปรับมากขึ้น ไม่สามารถเก็บกินทุกจังหวะได้เหมือนครึ่งแรก ตรงนี้แสดงให้เห็นถึงคุณภาพที่ไม่ธรรมดาของ ไบรท์ตัน 

พอปรับเป็นเกียร์รุก ไบรท์ตัน ก็สร้างโอกาสลุ้นยิงครั้งแรกในเกมได้จาก แจ็ค ฮินเชลวู้ด ที่เกิดขึ้นในนาที 64 จากนั้นก็มาอีกเป็นระยะและน่าจะตีเสมอได้อย่างยิ่งจากโอกาสทองของ ปาสกาส กรอสส์ ที่เข้าชาร์จเสาแรก แต่หลุดกรอบออกหลังแบบเส้นยาแดงผ่าแปด 


ฮาแวร์ตซ์ ยิงฝังให้ได้หายใจโล่ง

จังหวะนี้เป็นอีกจุดเปลี่ยนของเกมก็ว่าได้เพราะน่าจะเป็นประตูตีเสมอของ ไบรท์ตัน อย่างยิ่ง ถ้าสกอร์เป็น 1-1 โมเมนตัมของเกมอาจเปลี่ยนเข้าทางทีมเยือนได้เลย

อาร์เซน่อล รอดตัวและหาโอกาสลุ้นประตูเพิ่มจากการเล่นโต้กลับเป็นหลัก เดแคลน ไรซ์ ต้องลากจากกลางสนามไปลุ้นยิงเองติดเซฟ ก่อนที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ จะทำให้สถานการณ์กลับมาอยู่ในการควบคุมอีกครั้งหลังจากเพื่อนร่วมทีมทั้ง เลอันโดร ทรอสซาร์, มาร์ติน โอเดการ์ด และ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ต่อบอลกันมาได้ดีในจังหวะเปลี่ยนจากรับเป็นรุก 

ฮาแวร์ตซ์ ยกระดับขึ้นมาได้อย่างมากในช่วงหลัง ฟอร์มการเล่น การยิงประตู และความมั่นใจในตอนนี้ต่างจากต้นฤดูกาลอย่างมาก 

อาร์เตต้า ไม่ลืมที่จะกล่าวชมอดีตแข้ง เชลซี ที่ทุ่มทุนสร้างมาในราคา 60 ล้านปอนด์ว่า  “ความมั่นใจของเขากำลังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และเขารู้สึกมั่นใจมากขึ้นเมื่ออยู่ในสนาม”

“เขาทำไป 4 ประตูใน 7 นัดแล้วตอนนี้ โดยรวมแล้ว ฟอร์มของเขา ความฉลาดที่เขาแสดงออกมาในสนาม ความมุ่งมั่นดุดัน และวิธีที่เขาเล่นเกมรับ มันสุดยอดมาก ยอดเยี่ยมจริงๆ”

แม้น่าเสียดายอยู่บ้างที่โอกาสลุ้นยิงทั้งหมด 26 ครั้ง ได้มาเพียง 2 ประตู แต่ก็เป็นการชัยชนะที่่ อาร์เซน่อล ต้องพอใจอย่างมากแล้วเพราะเป็นการเจอกับ ไบรท์ตัน ที่เล่นงานทีมใหญ่มานักต่อนัก 

เกมรุกยิงได้ ขณะที่เกมรับรักษาคลีนชีตซึ่งเป็นทีมแรกในรอบ 33 ที่ไม่เสียประตูให้ ไบรท์ตัน ในพรีเมียร์ลีก

“นี่เป็นฟอร์มการเล่นที่สุดยอดมาก มันน่ารื่นรมย์ที่ได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ วิธีที่เราเล่นในการเจอทีมที่น่าทึ่งอย่าง ไบรท์ตัน ก็สุดยอดเลย เรามีความอดทน เดินหน้าไม่หยุด เชื่อมั่นอยู่ตลอด และสุดท้ายได้ในสิ่งที่สมควรได้” อาร์เตต้า กล่าว

ชัยชนะเหนือ ไบรท์ตัน จงเป็นอีกหนึ่งชัยชนะในเกมยากที่สำคัญของฤดูกาลนี้ และมันเกิดขึ้นในวันที่ทีมได้กลับไปรั้งตำแหน่งจ่าฝูงอีกครั้ง 

ไม่มีอะไรดีกว่านี้อีกแล้วก่อนเกมซูเปอร์บิ๊กแมตช์บุกเยือน “รองฝูง” ลิเวอร์พูล ในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ 


ขอบคุณเนื้อหาจาก Thsport.com