เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง คือคำนิยามของการทำบ้างสิ่งบางอย่าง หากเริ่มต้นได้ดี โอกาสจะประสบความสำเร็จย่อมมีสูง
ทว่าการเริ่มงานคุมทีมชาติไทยของ มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือชาวญี่ปุ่น ที่เตรียมบัญชาทัพเกมแรกอย่างเป็นทางการในนัดอุ่นเครื่องพบกับทีมชาติบ้านเกิด ในวันต้อนรับศักราชใหม่ 2567 ก็เจอปัญหาให้ท้าทายความสามารถแล้ว
เดิมทีทีมชาติไทยจะมีการประกาศรายชื่อนักเตะ 23 คน ในวันที่ 18 ธันวาคม แต่สโมสรส่งหนังสือขอตัวนักกีฬากลับไปให้ของสมาคมฯ ล่าช้า จนการประกาศรายชื่อ 23 นักเตะชุดเตรียมบุกกรุงโตเกียว ต้องเลื่อนมาประกาศเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ที่ผ่านมา
แน่นอนว่าการประกาศรายชื่อล่าช้าทำให้โดนสื่อมวลชนและแฟนบอลวิจารณ์การทำงานของสมาคมฯ และ ผู้จัดการทีม รวมถึงสโมสรอย่างหนัก แต่เมื่อเห็นรายชื่อนักเตะเป็นที่น่าพอใจ เสียงเหล่านั้นจึงซาลงไป
ตามโรดแมปขุนพล “ช้างศึก” จะเข้าแคมป์เก็บตัวฝึกซ้อมที่ไทย 2 วัน ระหว่างวันที่ 27-28 ธันวาคม จากนั้นจะบินไปยังแดนอาทิตย์อุทัยช่วงเช้าวันที่ 29 ธันวาคมนี้
แต่ อิชิอิ ต้องปวดหัวกับโปรแกรมฟุตบอลรีโว่ไทยลีก ที่มีเกมนัดตกค้างฟาดแข้งในวันที่ 28 ธันวาคม โดยทีมอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, บีจี ปทุม ยูไนเต็ด, ชลบุรี และ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ร่วมโม่แข้งด้วย ทำให้นักเตะทีมชาติไทยจากสโมสรเหล่านั้นต้องไปเล่นให้ต้นสังกัดก่อน
เท่ากับว่าจาก 23 คนที่ประกาศรายชื่อออกมา 12 คนจะไปช่วยต้นสังกัด ทำให้จะเหลือผู้เล่น 11 คนเท่านั้นที่จะร่วมฝึกซ้อมกับทีมในวันที่ 27-28 ธันวาคม
แม้นักเตะหลายคนจะคุ้นมือกับ อิชิอิ มาแล้ว แต่เกมระดับชาติ แตกต่างกับการทำงานระดับสโมสร การเจอทีมแกร่งระดับโลก อย่าง ญี่ปุ่น เกรงว่าการเตรียมทีมอันน้อยนิดจะไม่เพียงพอ และอาจจะทำให้ผลการแข่งขันออกมาไม่สวยนัก
ที่โชคร้ายซ้ำสองคงหนีไม่พ้นการขาด ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าตัวเก๋า ที่ได้รับบาดเจ็บในเกมฟุตบอลถ้วย ช้าง เอฟเอคัพ รอบ 32 ทีม ที่ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด บุกไปแพ้จุดโทษต่อ ชลบุรี เอฟซี ด้วยสกอร์รวม 6-4
นั่นทำให้ตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าจะเหลือเพียง ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ดาวยิงซูเปอร์ซับจาก การท่าเรือ เอฟซี คนเดียวเท่านั้น
แม้ตอนนี้จะยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทาง แต่เชื่อว่า “มุ้ย” คงไม่เสี่ยงเล่นเกมนี้ ต้องมารอดูว่า อิชิอิ จะเรียกใครเข้ามาเสริมท้พ
ขณะที่ข่าวร้ายต่อมาคือล่าสุด โอเอช ลูเวิน ทีมในจูปิแลร์ โปรลีก เบลเยียม ไม่ปล่อยตัว ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา มาร่วมทีม ทางสโมสรต้องการให้นักเตะอยู่ทำงาน และ ใกล้ชิดกับ ออสการ์ การ์เซีย หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวสเปนคนใหม่ ที่เพิ่งเข้ามาคุมทัพ เมื่อช่วงต้นเดือน พฤศจิกายน 2566
โดยสโมสรมีโปรแกรมสำคัญ 2 นัดที่รออยู่ข้างหน้า คือ บุกเยือน เกงต์ วันที่ 22 ธันวาคม และ เปิดบ้านพบกับ เอเอส ยูเปน วันที่ 26 ธันวาคม 2566 ซึ่งปัจจุบัน โอเอช ลูเวิน ไม่ชนะใครในลีกถึง 7 นัดติดต่อกัน
อย่างไรก็ตามทาง โอเอช ลูเวิน ยืนยันว่าจะปล่อยตัว ศุภณัฏฐ์ ปล่อยมาช่วย ทีมชาติไทย ในเอเชียน คัพ 2023 รอบสุดท้าย ที่กาตาร์ อย่างแน่นอน ทำให้ อิชิอิ ต้องเรียก วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ กองกลางจากการท่าเรือ เอฟซี เข้ามาแทน
เข้าใจว่าทางสโมสรหวังดีที่จะให้ ศุภณัฏฐ์ ปรับตัว แต่เมื่อดูโปรแกรมหลังจาก 2 เกมข้างต้นแล้ว เกมต่อไป โอเอช ลูเวิน จะลงสนามอีกครั้งในเกมลีก เจอกับ อันเดอร์เลชท์ ในวันที่ 22 มกราคม 2567 เท่ากับว่า หากเจ้าแบงค์ มาช่วยทีมชาติไทย ในเกมอุ่นเครื่องกับทีมชาติญี่ปุ่น ยังมีเวลาเหลือๆ ในการกลับไปปรับตัวกับทีม
แบบนี้น่าเห็นใจ อิชิอิ จริงๆ เพราะวันที่ “มุ้ย” ไม่เต็มถัง อย่างน้อยมี “น้องแบงค์” คอยยืนค้ำหน้าก็ยังดี แถมยังได้พิสูจน์ตัวเองกับนักเตะญี่ปุ่นด้วยว่า เขาอยู่ในระดับไหน เพื่อยกระดับให้ไปเทียบเท่าหรือเหนือกว่าในอนาคต
ที่แอบสงสัยเรื่องต่อมา อิชิอิ คือการขาดกองหน้าไปถึง 2 คน ทำไม่เขาไม่เลือกดึงกองหน้าอย่าง ปรเมศย์ อาจวิไล จากเมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ฟอร์มดีเข้ามาเสริม เพราะเมื่อดูจากรายชื่อกองกลางตอนนี้ต้องบอกว่ามีเยอะมาก
สุดท้ายเลยคือต้องภาวนาให้หลังเกมรีโวไทยลีกวันที่ 28 ธันวาคมนี้ จะไม่มีนักเตะบาดเจ็บ จนต้องถอนตัวเพิ่ม เพราะไม่อย่างนั้นแล้วแผนงานที่เตรียมไว้ ส่งผลกระทบมหาศาลอย่างแน่นอน
อย่างลืมว่าตอนนี้ญี่ปุ่นเป็นทีมระดับท็อปของโลก แม้จะไม่มี คาโอรุ มิโตมะ ปีกจาก ไบร์ทตันฯ , ทาเคฟุสะ คุโบะ กองกลาง เรอัล โซเซียดาด, วาตารุ เอ็นโดะ กองกลางลิเวอร์พูล และ ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ กองหลังจากอาร์เซน่อล ที่เจ็บและติดภารกิจช่วยสโมสร
แต่ดาวเตะที่ ฮาจิเมะ โมริยาสึ กุนซือทีมชาติญี่ปุ่น ประกาศชื่ออกมานั้น ยังมีตัวเทพอย่าง ทาคุมิ มินามิโนะ, ริตสึ โดอัน หรือ ทาคุมะ อาซาโนะ ล้วนดีกรี ไม่ธรรมดา โดยเฉพาะคนหลังที่เคยทำประตูทีมชาติไทยมาแล้ว ในฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย
การอุ่นเครื่องนัดนี้เห็นการเตรียมทีมแล้วเห็นใจ อิชิอิ จริงๆ เพราะการเจอทีมระดับท็อปของโลก ดันมีเวลาเตรียมทีมไม่กี่วัน แทนที่จะได้ซ้อมกันเต็มที่ 4-5 วัน เพื่อปรับจูนแท็คติคใหม่ๆ อย่าลืมว่าขนาดการเจอ จอร์เจีย กับ เอสโตเนีย ซึ่งอันดับโลกต่ำกว่าญี่ปุ่น เรายังแย่
นี่ไม่อยากคิดสภาพเลยว่าหาก ญี่ปุ่น ยิงประตูเราเละ ความมั่นใจก่อนไปลุยเอเชียน คัพ จะแย่ลงขนาดไหน
แน่นอนว่าเสียงวิจารณ์ อิชิอิ จะเริ่มมีเข้ามาแน่ เพราะอย่างลืมว่าคนที่อยู่ในสังคมฟุตบอลไทย ย่อมรู้ว่าสถานการณ์หน้างานเป็นอย่างไร แต่สังคมกว้างที่ไม่ได้คลุกคลีกับฟุตบอลไทย หากผลการแข่งขันไม่สวยงาม หรือโดนถล่มเละ แน่นอนว่ากระแสย่อมเป็นลบอย่างแน่นอน
หวังเหลือเกินว่าเราจะเห็น อิชิอิ งัดแท็คติคการเล่นเกมรับแน่นๆ มีจังหวะสวนกลับสวยๆ คอยโจมตีญี่ปุ่นให้ระแคะระคายเคืองบาง รวมถึงเล่นอย่างมีวิธีการ ไม่กลัว หรือลนลานจนเกินไป ผลการแข่งขันห้ามโดนยิงเยอะ แค่นี้แฟนบอลก็ดีใจแล้ว
จากนั้นในเอเชียน คัพ รอบสุดท้าย ที่กาตาร์ ค่อยมาดูของจริงกันว่า อิชิอิ จะมีไม้เด็ดอะไรมาใช้กับทีมชาติไทยบ้าง แต่เหนือสิ่งอื่นใด อิชิอิ ไม่ใช่เทวดา เขาคือคนธรรมดา เขาต้องได้รับการสนับสนุนจากทุกส่วนอย่างเต็มที่
ที่สำคัญต้องได้รับแรงสนันสนุนจากแฟนบอลไทยทุกคน ให้เวลา ให้ทำงาน แล้วผลงานจะพิสูจน์เองว่า Japan Way คือทางที่ใช่สำหรับฟุตบอลไทยหรือไม่
ขอบคุณเนื้อหาจาก Thsport.com