(ต่อจากตอนที่แล้ว) เมื่อ อลอนโซ่ เดินทางกลับมายัง ซาน เซบาสเตียน เขาพบว่าเพื่อนรัก อาร์เตต้า มีอารมณ์ร่าเริงแบบสุดๆ จากนั้นก็ทราบข่าวอย่างรวดเร็วถึงสาเหตุที่ทำให้เพื่อนของเขามีอาการเช่นนี้
ใช่แล้ว ! ระหว่างที่ เขาอยู่ที่ ไอร์แลนด์ ทางนี้ อาร์เตต้า ได้รับแจ้งจาก บาร์เซโลน่า ว่ามีโครงการที่จะเซ็นสัญญากับนักเตะอายุ 15 ปีเข้าสู่ทีมชุด เบ และเชิญให้ไปทดสอบฝีเท้าที่นั่น
อาร์เตต้า เดินทางไป บาร์เซโลน่า เพื่อทดสอบฝีเท้าร่วมกับเพื่อนร่วมทีมอันตีกูโก อีก 2 คน คือ ยอน อัลบาเรซ และ มิเกล ยานกวาส และก็ปรากฏว่าทั้งหมดผ่านการทดสอบได้เซ็นสัญญากับ บาร์เซโลน่า
อาร์เตต้า จะรื่นเริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด เพราะนี่ไม่ใช่ เรอัล โซเซียดาด มันยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก นี่คือทีมของ หลุยส์ เอ็นริเก้, ฟิโก้, ไคลเวิร์ต และ โรนัลโด้ นี่เป็นโอกาสที่จะเดินตามรอยเท้าของ เป๊บ กวาร์ดิโอล่า ฮีโร่ในวัยเด็กของเขา
พูดถึงเรื่องราวตรงนี้ ก็ให้น่าแปลกอยู่ไม่น้อย กับเส้นทางของ 2 เพื่อนรัก อลอนโซ่ กับ อาร์เตต้า ที่ไม่เคยลงเอยได้อยู่ทีมเดียวกันอย่างที่เคยใฝ่ฝันไว้ในครั้งยังเด็ก
ครั้งนึง อาร์เตต้า ให้สัมภาษณ์ถึงว่า “มันแปลกจริงๆ เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ กาเย่ มาเตีย (ถนนมาเตีย) และเล่นในทีมเยาวชนอันติกูโกมาด้วยกัน เรามีเพื่อนอยู่ในกลุ่มเดียวกัน และเราก้าวผ่านทีมชาติชุดเยาวชนมาด้วยกัน”
“จริงๆผมคิดว่าสุดท้ายแล้ว เราก็จะได้เล่นในสโมสรเดียวกัน แต่จังหวะมันไม่ได้เลย ผมย้ายจาก เรนเจอร์ส ไป เรอัล โซเซียดาด (2004-05) แต่ ชาบี ก็ดันย้ายไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล”
“กระทั่งผมย้ายมา เอฟเวอร์ตัน ด้วยสัญญายืมตัว (2005) มันตลกดีที่มาคิดว่าเรากลับมาเป็นคู่แข่งกันอีกครั้ง”
“ตอนที่ผมมา เอฟเวอร์ตัน ใหม่ๆ ผมคิดว่ามันไม่ถูกต้องนักที่จะใช้เวลากับ ชาบี มากเกินไปเพราะผมตอนนั้นพยายามที่จะคว้าสัญญาระยะยาวจากสโมสรให้ได้ และผมเข้าใจถึงความเป็นอริกันระหว่าง เอฟเวอร์ตัน กับ ลิเวอร์พูล”
“ผมพยายาที่จะรักษาระยะห่าง อยู่ในฝั่งของตัวเอง แต่เขาก็มาเคาะประตูบ้านผมหลังเกม เมอร์ซี่ไซด์ ดาร์บี้ในเดือนธันวาคม (2005) แล้วถามว่าทำไมนายดูเศร้าจัง”
“ผมบอกเขาไปว่าผมไม่ชอบความพ่ายแพ้ โดยเฉพาะกับเขา แล้วผมก็ดันโดนไล่ออกจากเกมอีกด้วย เขารู้จักผมและคาแรกเตอร์ผม เขาพยายามที่จะปลอบให้ผมรู้สึกดีขึ้น แต่มันไม่ดีเลยที่ต้องเจ็บปวดเพราะความพ่ายแพ้นั้น”
…………………………………………..
ตอนที่ 3 สู่อะคาเดมี่ เรอัล โซเซียดาด
หลังจากเพื่อนรัก อาร์เตต้า ได้เซ็นสัญญากับ บาร์เซโลน่า เบ ไปแล้ว ด้วยพรสวรรค์อันโดดเด่น จึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่ อลอนโซ่ จะได้รับข้อเสนอจากหลายๆทีมใน ลา ลีกา เพียงแต่สำหรับเขาแล้ว มันจะต้องเป็นเรอัล โซเซียดาด สโมสรที่คุณพ่อเปรีโก้เคยสร้างชื่อระดับตำนานไว้เท่านั้น
การเปลี่ยนผ่านจาก อันติกูโก สู่สโมสรยักษ์ใหญ่ในบ้านเกิด ไม่ได้ทำให้ อลอนโซ่ ประสบปัญหามากนัก ซึ่งต้องขอบคุณ มิเกล อลอนโซ่ พี่ชายของเขาที่ย้ายไปอยู่ก่อนหน้านั้น 1 ปี ให้ความช่วยเหลือเรื่องการปรับตัว
ฟุตบอลของ อลอนโซ่ ได้รับอิทธิพลมาจากคุณพ่อของเขา แต่ว่า อลอนโซ่ ในวัยเยาว์รู้สึกมีความสุขกับการจ่ายบอลยาวๆที่แม่นยำมากกว่าการยิงประตู
ช่วงนึง อลอนโซ่ ตัดสินใจเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ ซึ่งเป็นบทบาทที่ทำให้เขาได้เรียนรู้การกระจายบอลไปยังพื้นที่ต่างๆของสนามได้อย่างลึกซึ้ง
กับการเล่นให้ทีมเยาวชนของ เรอัล โซเซียดาด ถึงแม้จะมีพี่ชายคอยซัพพอร์ต แต่หนุ่มน้อยอลอนโซ่ก็ได้สร้างเส้นทางของตัวเองขึ้นมา เขาทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างที่มีลงไปเพื่อสร้างความประทับใจให้กับทีมสต๊าฟ
ด้วยความทุ่มเทบวกกับความสามารถในการจ่ายบอลกันโดดเด่นของเขา เส้นทางในทีมเยาวชน เรอัล โซเเซียดาด ของ อลอนโซ่ จึงรุดหน้าชนิดก้าวกระโดด
ผลงานของเขาอยู่ในเกณฑ์ดีสม่ำเสมอเรื่อยมา จนกระทั่ง 1 เดือนหลังอายุครบ 18 ปีเต็ม ในวันที่ 1 ธันวาคม 1999 อลอนโซ่ ก็ได้โอกาสลงประเดิมสนามในเกมโกปา เดล เรย์ กับ เซเด โลโกรนเญส
มันเป็นเกมเลกที่ 2 ที่ เรอัล โซเซียดาด ได้กลับมาเล่นใน อาโนเอต้า ของตัวเอง หลังจากบุกไปพ่ายมาก่อน 1-2 ในเลกแรกเมื่อ 10 พฤศจิกายน
ปรากฏว่าการประเดิมสนามเกมแรกในนามชุดใหญ่ของ อลอนโซ่ ออกมาไม่ดีนัก เรอัล โซเซียดาด พ่าย โลโกรนเญส คาบ้าน 0-1 ตกรอบแรกด้วยสกอร์รวม 1-3 และนับจากนั้น อลอนโซ่ ก็ไม่ได้โอกาสลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่อีกเลยตลอดทั้งฤดูกาล
(อ่านต่อตอนหน้า)
เจมส์ ลา ลีกา
ขอบคุณเนื้อหาจาก Thsport.com