เรอัล มาดริด ถล่ม บาร์เซโลน่า 4-1 คว้าแชมป์ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า นับเป็นศึกเอล กลาซีโก้ เวอร์ชั่นตะวันออกกลาง ที่มีบทวิจารณ์ตามเยอะมาก โดยเฉพาะฟอร์มการเล่นกับสกอร์ที่ออกมาแตกต่างกันชนิดว่า "เกือบสู้กันไม่ได้"

วันนี้เรามาคุยกันครับว่า ตลอด 90 นาทีที่ กรุงริยาด นั้น เราได้เห็นอะไรบ้าง และอะไรคือข้อแตกต่าง ?


……………………………..


11 คนแรก&ระบบการเล่น


11 คนแรกของ คาร์โล อันเชล็อตติ ภายใต้ระบบ 4-4-2 (หรือจะมองเป็น 4-2-2-2 ก็ได้) บวกกับข้อจำกัดเรื่องผู้เล่นบาดเจ็บ แทบไม่ต้องเดาเลยว่าใครลงสนามบ้าง  



ตำแหน่งผู้รักษาประตู การเลือก อังเดร ลูนิน ลงเล่น ในเชิงสัญลักษณ์สามารถตีความได้ว่า คาร์เล็ตโต้ ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่านับแต่นี้มือหนึ่งคือนายด่านยูเครนที่ฟอร์มสม่ำเสมอกว่า เกป้า ซึ่งพลาดเต็มๆในรอบ รองฯกับ แอต.มาดริด 


แผงหลัง ดานี่ การ์บาฆาล แบ็กขวา,แบ็กซ้าย แฟร์กล็องด์ เมนดี้, คู่เซนเตอร์ นาโช่ ยืนกับ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ 


แดนกลาง สลับเล็กน้อย โทนี่ โครส ลงตัวจริงแทน ลูก้า โมดริช ทำหน้าที่ออกบอลแถวๆหน้าแผงหลัง ยืนใกล้กับ อูเรเลียง ชูอาเมนี่ ที่รับบทมิดฟิลด์ตัวรับ 



สูงขึ้นมาหน่อย ทางขวาเป็น เฟเด วัลเวร์เด้ เยื้องไปทางซ้ายมี จู๊ด เบลลิ่งแฮม รับบทตัวรุกมีอิสระ สามารถเคลื่อนที่ตามที่ต้องการ ส่วนคู่หน้าเป็น วินิซิอุส จูเนียร์ กับ โรดรีโก้ 





ฝั่ง บาร์ซ่า มีข่าวออกมาตั้งแต่วันเสาร์ว่า ชาบี มีความคิดที่จะเปลี่ยนมาเล่นมิดฟิลด์ 4 คน เหตุผลหลักๆคือต้องการครอบครองพื้นที่แดนกลาง เพราะมองว่ามิดฟิลด์ 3 คน สู้กลางมาดริด 4 คนลำบาก นับแค่จำนวนก็เป็นรองแล้ว 


วันแข่งจริงก็เป็นตามที่มีข่าว ชาบี เลือก เซร์จี้ โรเบร์โต้ ลงมาเป็นมิดฟิลด์คนที่ 4 ร่วมกับ เฟรงกี้ เดยอง,อิลคาย กุนโดกัน และ เปดรี ที่เพิ่งฟิตกลับมา 



การยืนตำแหน่งดูเหมือน 4-2-3-1  เดยอง กับ กุนโดกัน ยืนเป็น double pivot ส่วน โรเบร์โต้,เปดรี และ เฟร์ราน ยืนสูงเป็น 3 ตัวรุกอยู่ข้างหลัง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ 



แนวรับ เป็นไปตามคาด ชาบี เลือกแท็คติกโยก โรนัลด์ อาเราโฮ มายืนแบ็กขวาเพื่อจัดการกับ วินิซิอุส ขยับ ฌูลส์ กุงเด้ เข้าไปยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟกับ อันเดรส คริสเตนเซ่น ส่วนแบ็กซ้ายเป็น อลเฆานโดร บัลเด้ 



มุมมองส่วนตัว ไม่ว่าก่อนหรือหลังจบเกม ผมไม่ได้มองว่า ชาบี ตัดสินใจผิดที่เลือกเล่นกลาง 4 แล้วดร็อปตัวรุกอย่าง ชูเอา เฟลิกซ์ 



ผมชื่นชม ชาบี ในแง่ที่ว่ามีความพยายามในการปรับแก้แท็คติกเพื่อเอาชนะ มาดริด ซึ่งอยู่ในฟอร์มที่ดีกว่า แต่สิ่งที่ปรากฏตลอดเกมการแข่งขัน มันไม่ได้เกี่ยวกับระบบแผงกลาง 4 คนที่ ชาบี พยายามแก้ แต่เป็นความผิดพลาดในแง่แท็คติกวิธีการเล่น ทั้งที่เกิดจากตัว ชาบี เอง และจากตัวนักเตะบาร์เซโลน่าเอง





เรอัล มาดริด ออกสตาร์ทเกมได้ดีกว่า 


เป็นเรื่องที่นานๆจะเกิดขึ้น ที่เราเห็น เรอัล มาดริด ออกสตาร์ทด้วยความดุดันตั้งแต่วินาทีแรกของเกม โดยปกติแล้วเด็กๆของ คาร์เล็ตโต้ เป็นพวกเครื่องร้อนช้า ค่อยๆเล่น ค่อยๆจูน ต่อเมื่อเกมเริ่มลงตัวจึงเริ่มสร้างความอันตรายคุกคามคู่แข่ง 


แต่เกมนี้ ต้องให้เครดิตกับ อันเชล็อตติ ที่กระตุ้นลูกทีมมาดีมาก แข้งชุดขาวทุกคนลงไปแล้วเอาทันที ไม่ดูเชิง ทะยานเข้าหาบอลด้วยความปราดเปรียว เล่นเอา บาร์ซ่า ถึงเซอร์ไพรส์เปิดตำรารับไม่ทัน 


กระนั้นที่เซอร์ไพรส์กว่าคือ ‘วิธีการ’  


……………………………..


เรอัล มาดริด มีวิธีการที่ดีกว่า 


ว่าถึงเรื่อง ‘วิธีการ’ ขอย้อนกลับไปที่การจัดตัว 11 คนแรก 


ในขณะที่ ชาบี ปรับทั้งระบบและตัวผู้เล่น กลับไม่มีอะไรแตกต่างจากเดิม แถมในบางแท็คติก ลูกทีมก็ทำไม่ถึงเสียด้วย 


ด้าน อันเชล็อตติ นั้นแทบไม่ต้องเดาอะไรเลย ทว่าในความธรรมดากลับมีความพิเศษซุกซ่อนอยู่ 


ความพิเศษที่ไม่ใช่รายชื่อผู้เล่นที่เปลี่ยนไป ไม่ใช่ระบบอันแปลกใหม่ แต่มันคือ ‘วิธีการ’ 


วิธีการที่ อันเชล็อตติ ศึกษามาเป็นอย่างดี และตั้งใจใช้เล่นงาน ชาบี ในเกมนี้โดยเฉพาะ




วิธีการที่ว่านี้ก็คือ ไม่ครองบอลนาน ไม่เอาบอลไว้กับตัว ตัดได้ แทงช่อง เล่นงานพื้นที่ half space และที่ว่างระหว่างคู่เซนเตอร์ของ บาร์ซ่า ทันที โดยอาศัยความเร็วเหนือเสียง บวกเทคนิคอันยอดเยี่ยมของ 2 กองหน้าอย่าง วินิซิอุส จูเนียร์ และ โรดรีโก้ เป็นอาวุธเด็ด 



นอกจากนี้วิธีการเปิดบอลก็เน้นไปที่ early cross ไม่ต้องถึงเส้นหลัง ซึ่งการเปิดลักษณะนี้ ทำให้กองหลังมีเวลาน้อยในการตั้งรับ


ประตูขึ้นนำ 1-0 จู๊ด ตัดบอลได้ตรงกลางสนาม เขาแทงทะลุช่องให้ วินิซิอุส ทันที แล้วก็เป็นประตู 


ประตู 2-0 การ์บาฆาล วางขนานเส้น เล่นงานตรง พื้นที่ half space ด้านซ้ายของ บาร์ซ่า ให้ โรดรีโก้ ทะลุขึ้นไปจ่าย early cross ให้ วินิซิอุส เข้าฮอส 




ถึงแม้ บาร์ซ่า จะตีไข่แตกไล่มา 1-2 ได้เร็ว จากลูกยิงสุดสวยของ เลวานดอฟสกี้ แต่เมื่อ ชาบี ยังไม่รู้ตัว ไม่รีบปรับแก้แท็คติก ทีมจึงโดนเม็ดที่ 3 ตามมา 


ประตูนี้มาจากจุดโทษก็จริง แต่ก็จะเห็นได้ว่าลูกเปิดของ ชูอาเมนี่ เป็นการเปิดในลักษณะ early cross อีกครั้ง ซึ่งเล่นงาน อาเราโฮ ได้ชะงัด


……………………………..


วินิซิอุส vs อาเราโฮ 


หนึ่งในคู่ดวลศึกเอล กลาซีโก้ ที่ดุเดือดในช่วงหลังก็คือการสู้กันระหว่าง วินิซิอุส กับ อาเราโฮ ซึ่ง ชาบี โยกมาเพื่อจับตายดาวเตะบราซิเลี่ยนโดยเฉพาะ แรกๆมันได้ผล แต่ระยะหลังก็เริ่มเปลี่ยนไป และมาชัดเจนว่าถูกแก้ในเกมล่าสุดนี้เอง


วิธีแก้ของ อันเชล็อตติ คือแทนที่จะให้ วินิซิอุส พาบอลเลี้ยงหลบ อาเราโฮ ที่แข็งแกร่งและทางบอลดี ก็ใช้การวางบอลทะลุช่องแล้ววิ่งแข่งกัน 



วินิ วิ่งตัวเปล่าแข่งกับ อาเราโฮ ใครถึงบอลก่อนกันล่ะ ? นั่นแหละเป็นคำตอบว่าทำไม อันเชล็อตติ ถึงไม่โยก วินิซิอุส หนีการประกบของปราการหลังอุรุกวัย แต่เลือกใช้วิธีการที่ช่วยให้กองหน้าบราซิเลี่ยนได้เปรียบแทน


……………………………..

        บทสรุป


บทสรุปของยุทธการดับ บาร์ซ่า คากรุง ริยาด นั้น อันเชล็อตติ สรุปให้ฟังในการให้สัมภาษณ์หลังเกมว่า เขาเห็นว่า ชาบี มักให้ลูกทีมตั้งไลน์แนวรับสูง และครั้งนี้ก็เช่นกัน และที่สังเกตเห็นได้ชัดในระยะหลังคือ ชาบี ไม่เลือกที่จะมาร์คแมนใส่คู่ต่อสู้  รวมทั้งการยืนตำแหน่งระหว่างแนวรับก็ค่อนข้างห่าง 


ดังนั้นแล้วเขาจึงเลือกที่จะเล่นเร็ว ไม่เน้นครองบอล เน้นการแทงทะลุช่องตรงพื้นที่ที่แนวรับ และแดนกลางของ บาร์ซ่า ซึ่งยืนห่างกันทิ้งไว้ และการ Early Cross ก็ถือเป็นการโจมตีเร็วที่ได้ผลสอดรับการวิธีการนี้ 



อย่างไรก็ดี อีกหนึ่งจุดสลบของ บาร์ซ่า ที่ทำให้โดน เรอัล มาดริด เล่นงานอย่างง่ายดายนั้นก็เพราะว่าคุณภาพเกมเพรสซิ่งของพวกเขาย่ำแย่ 




ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่การเพรสซิ่งแดนบนของ บาร์ซ่า ทำได้ไม่ดีเอาซะเลย คุณภาพตกลงไปอย่างมากเมื่อเทียบกับฤดูกาลที่แล้ว นั่นทำให้คู่ต่อสู้สามารถตั้งเกมของตัวเองได้ และเมื่อรุกคืบมาถึงแดน 3 หรือพื้นที่สุดท้ายก็ยากที่จะยับยั้ง



ไม่แน่ใจว่าปัญหาอยู่ที่ตัวนักเตะหรือ ชาบี กันแน่ที่ทำให้ประสิทธิภาพในการเพรสซิ่งที่เคยโดดเด่นลดฮวบลงไป หากยังไม่รีบแก้ เราก็จะได้เห็นเกมในลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นอีกเรื่อยๆ ทำให้กว่าจะได้คะแนน หรือชนะคู่ต่อสู้ในแต่ละนัด บาร์ซ่า จะต้องเหนื่อยสายตัวแทบขาด หรือบางครั้งบางเกมก็กลับมาไม่ได้เลย


เจมส์ ลา ลีกา 


ขอบคุณเนื้อหาจาก Thsport.com