ในบรรดาตัวเลือกระยะสั้นที่เหมาะจะดึงเข้ามาช่วยแก้สถานการณ์ให้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดมากที่สุดนั้น คาริม เบนเซม่า คือตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง และมันจะน่าเสียดายมากๆถ้าดึงตัวเขาเข้ามาไม่ได้ด้วยหลายๆเหตุผล นี่คือเรื่องราวว่า ทำไมดีลเบนซ์จึงน่าเสียดายสำหรับแมนยูจริงๆ
หนึ่งในบรรดาข่าวลือต่างๆที่เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวตลาดนักเตะหน้าหนาวนี้ เรื่องที่น่าสนใจมากที่สุดคือ ความเป็นไปได้ในการดึงตัว คาริม เบนเซม่า เพื่อจะมาเสริมทีมช่วยแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในช่วงเวลาที่เหลือของฤดูกาลนี้
คำถามก็คือ แมนยูจำเป็นแค่ไหนที่จะต้องไปดึงตัวเบนเซม่าเข้ามา? หรือจำเป็นยังไงที่ต้องดึงกองหน้าเข้ามาใหม่ ในเมื่อมีราสมุส ฮอยลุนด์ อยู่ประจำตำแหน่งแล้ว
คำตอบของเรื่องการเสริมกองหน้านี้ คือปัญหาของแมนยูในเรื่องของ “ขุมกำลังเชิงลึก” ของทีม ณ ขณะนี้มีปัญหามากๆ เพราะเมื่อแฟนๆได้เห็นว่า สามตัวรุกของทีมคือ การ์นาโช่ ฮอยลุนด์ แรชฟอร์ด แล้วมองไปที่ม้านั่งสำรอง เราไม่มีตัวผู้เล่นที่มีคุณภาพในการลงมาเปลี่ยนเกม หรือแก้ไขสถานการณ์ของทีมได้เลย
พูดในภาพรวมของแนวรุก จำนวนตัวผู้เล่นที่มีประสิทธิภาพในการสลับกันลงเล่น, ลงมาแก้สถานการณ์ หรือลงมาสร้าง Impact ให้กับทีม แทบจะไม่มีเลย
อามัด เดียโล่ กำลังเรียกความฟิตอยู่, ฟาคุนโด้ เปลลิสตรี ยังต้องการโอกาสและ Match Fitness รวมถึงความแข็งแกร่ง สองคนนี้มีฝีเท้าที่น่าสนใจ และในอนาคตเก่งแน่ๆทั้งคู่ เพียงแต่ว่า ณ เวลานี้น้องทั้งสองคนก็ยังไม่ได้อยู่ในสถานะ “ตัวตัดสินเกม” ที่จะลงสนามมาแล้วแบกทีมได้ขนาดนั้น เราจึงต้องพิจารณาน้องเอาไว้เป็นตัวสำรองที่ช่วยลงสนามทดแทนเท่านั้น แต่ยังไม่ได้อยู่ในระดับที่จะเป็น Match Winner ให้ทีมได้
อันโทนี่ มีปัญหานอกสนาม และฟอร์มที่ดรอปลงไปอย่างมาก ตอนนี้แทบจะไม่สามารถเป็นตัวตัดสินเกมให้แมนยูไนเต็ดได้เลย จนกว่าเขาจะกระตุ้นตัวเองและทำงานหนักมากพอในสนามซ้อมจนยึดตัวจริงกลับมาได้ แม้จะทำงานร่วมกันมากับเอริค เทน ฮาก แต่ก็โดนดรอปยาวมาหลายนัดแล้วเนื่องจากสามแนวรุกที่มีอยู่ ทำผลงานได้จะแจ้งมากกว่า เขาจึงต้องเป็นสำรอง และต้องพิสูจน์ตัวเองอีกมากเพื่อให้กลับมาให้ได้ ดังนั้นสถานะของอันโทนี่ก็จึงไม่ใช่ตัวตัดสินเกมของทีมเหมือนกัน ดีที่สุดคืออยู่ในสถานะ Squad Player เท่านั้น ซึ่งมันไม่เพียงพอ
สรุปแล้ว แนวรุกแมนยูมีที่ฝากฝังได้จริงๆแค่สามคน ซึ่งก็คือสามคนที่ลงสนามนั่นแหละ แรชฟอร์ด ฮอยลุนด์ การ์นาโช่ และตัวเปลี่ยนที่เหลืออีกสามคนตามที่กล่าวมา ยังไม่สามารถลงมาแบกแทนตัวจริงได้เลย เพราะงั้นนี่จึงเป็นปัญหาของแนวรุกแมนยูในเรื่องขุมกำลังเชิงลึกที่น้อยมากๆในภาพรวม
ยังไม่ต้องพูดถึงตำแหน่ง “กองหน้าตัวเป้า” ที่เอาจริงๆเรามีกองหน้าแท้อยู่ในทีมแค่สองคน หนึ่งในนั้นคือแทบจะไม่สามารถเป็นกำลังรบให้ทีมได้เลย เนื่องจาก อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ไม่เคยอยู่ในสภาพที่พร้อมสำหรับทีมเลย ล่าสุดการผ่าตัดเป็นไปได้เรียบร้อย แต่เขาก็จะต้องพักไปถึง 10 สัปดาห์ (2เดือนครึ่ง) แล้วกว่าจะเรียกฟิต กว่าจะพร้อมลงสนามอีก นั่นก็น่าจะอยู่ในช่วงท้ายฤดูกาลไม่กี่นัดจริงๆ
เท่ากับว่า เราเหลือหน้าเป้าในทีมแค่คนเดียวเท่านั้น คือราสมุส ฮอยลุนด์ ขณะที่แรชฟอร์ดเองต้องรับผิดชอบเป็นหนึ่งในสามตัวรุกหลักแล้วด้วย ถ้าฮอยลุนด์เจ็บ หรือต้องพักขึ้นมา แรชฟอร์ดก็ต้องขยับจากตัวรุกด้านข้าง มาเป็นกองหน้าตัวกลางแทน สล็อทในทีมก็จะหายไปอีก แถมแรชชี่เองก็เหมาะสมกับการเป็นกองหน้าตัวด้านข้างที่ตัดเข้าใน มากกว่าที่จะยืนค้ำเป้าตรงกลางซึ่งไม่มีพื้นที่ให้แกเล่น การขยับแรชมายืน ST ก็จะมีปัญหาเรื่องประสิทธิภาพอีก
เห็นเลยว่า ทางเลือกของแมนยู และของเอริค เทน ฮาก แทบจะขยับอะไรไม่ได้เลยในตำแหน่งตัวรุกแดนหน้า ฟร้อนท์ทรีของทีมจัดได้แค่ การ์นาโช่ แรชฟอร์ด ฮอยลุนด์ แค่นี้เองจริงๆที่มีประสิทธิภาพ เพราะงั้นปริมาณของตัวเล่นแนวรุกที่เก่งพอจะช่วยทีมได้ มันจำกัดจำเขี่ยเข้าขั้นน่าเป็นห่วง
สิ่งนี้ถึงได้เป็นเหตุผลว่า ทำไมผู้เขียนถึงได้บอกว่า Squad Depth มันยังขาดอยู่อีกเยอะมาก และทำไมเราถึงควรจะนำแนวรุกดีๆเข้ามาช่วยทีมสักหน่อย เพื่อเก็บผลการแข่งขันที่ดีในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง
และคาริม เบนเซม่า คือเป้าหมายที่น่าสนใจโคตรๆ
เหตุผลเรื่อง Squad Depth คือเหตุผลสำคัญสุดในเรื่องนี้ที่ว่า ทำไมแมนยูถึงควรดึงเบนเซม่าเข้ามา แต่คำถามที่จะตามมาก็คือ ทำไมต้องเป็นเบนเซม่า? ข้อนี้สามารถตอบได้ในหลายๆประเด็นดังนี้
1. ประการแรก ด้วยตำแหน่ง “กองหน้าตัวกลาง” หรือที่หลายๆคนเรียกหน้าเป้านั่นแหละ เราเหลือแค่ราสมุส ฮอยลุนด์ คนเดียวจริงๆที่เป็นหน้าเป้าธรรมชาติ
อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล เอาจริงๆเขาเป็นกองหน้าที่ถูกตัดต่อพันธุกรรมมา ตำแหน่งที่ดีที่สุดของหมาก คือ Inside Forward จากริมเส้น ซึ่งจริงๆแล้วถ้าเขาฟิต เขาควรได้ลงในตำแหน่งของแรชฟอร์ดซะด้วยซ้ำ เพราะหมากมีสกิลทักษะไปกับบอลได้ ตัดสินใจดีกว่าแรช ปั้นเกมได้จากพื้นที่ริมเส้น แอเรียการเล่นของหมากเล่นได้ตั้งแต่บริเวณ Wide Channel ถัดเข้ามายัง Half-space และบริเวณ Central Area แต่ยังไงก็ตาม ในภาพรวมมาร์กซิยาลเติบโตขึ้นมาเป็นตัวรุกจากริมเส้นเป็นหลัก การเล่นตัวกลางไม่ใช่ธรรมชาติหรือตำแหน่งที่ดีที่สุดของเขา
สำหรับแรชฟอร์ด กรณีคล้ายๆกัน เป็น Inside Forward ที่เหมาะกับการ “เข้าทำ” เป็นหลักจากด้านข้าง ไม่มีความสามารถในการปั้นเกม ต้องใช้เขาเป็นตัวชิงจังหวะและจบสกอร์แค่อย่างเดียว ซึ่งต้องการตัวอื่นปั้นเกมแทน ไม่ว่าจะเป็นกลางรุก แบ็คเติม หรือแม้แต่กองหน้าตัวกลางที่ปั้นเกมได้
เพราะงั้น สามตัวเลือกที่มีในทีมตอนนี้ กองหน้าตัวกลางที่เป็นธรรมชาติจริงๆนับได้แค่ฮอยลุนด์เท่านั้น จะเห็นเลยว่ามันน้อยมากและเสี่ยงไปหน่อยที่จะเดินหน้าลงแข่งขันด้วยปริมาณเพียงแค่นี้ ซึ่ง ณ ตอนนี้ก็ถือว่าผิดปกติอยู่แล้ว ดังนั้นการดึง “หน้าเป้าธรรมชาติ” เข้ามาในทีมกับตำแหน่ง ST ถือเป็นสิ่งที่ “ควรต้องทำ” แบบไม่มีข้อแม้ทั้งนั้น
ยืมตัวได้ก็ควรต้องยืม หรือคุณจะปล่อยให้ทีมทำผลงานไม่สำเร็จแล้วตกอันดับลงไปเรื่อยๆ? นี่จึงเป็นเรื่องที่บอร์ดและทีมงานควรต้องประเมินให้ดี ซึ่งตอนที่เขียนนี้ก็จะหมดตลาดหน้าหนาวแล้ว ความหวังริบหรี่แบบสุดๆ เพราะไม่มีข่าวอะไรเลย แม้กระทั่งกับเบนเซม่าเองก็ตาม เงียบกริ๊บจริงๆ
2. ราสมุส ฮอยลุนด์ จำเป็นที่จะต้องมีใครสักคนที่สามารถถ่ายทอดวิชาให้ได้อย่างใกล้ชิด ผ่านการทำงานร่วมกัน อยู่ในทีมแย่งตำแหน่งกัน ซึ่ง คาริม เบนเซม่า เป็น Role Model ที่โคตรเหมาะกับฮอยลุนด์
อย่างแรกสุด ประสบการณ์ ข้อนี้แฟนบอลรู้อยู่แล้วว่าควรมีนักเตะมีประสบการณ์ มาเป็นไกด์ไลน์ในการปฏิบัติตัวให้น้องด้วย ซึ่งฮอยลุนด์ยัง 20 อยู่เลย อายุน้อยมากๆ ดังนั้นตัวอย่างและคนถ่ายทอดวิชาจึงจำเป็นสำหรับเขา โดยตำแหน่งเดียวกันเป๊ะๆ คาริม เบนเซม่า จึงเหมาะมากๆที่จะดึงเข้ามาให้น้องได้ซึมซับ ดูเป็นตัวอย่าง และสลับกันลงเล่นโดยตรง
ที่สำคัญ มิติการเล่น ฮอยลุนด์ยังขาดเรื่องความสามารถในการทำเกมแดนบนอยู่ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่กองหน้ายุคใหม่จะต้องปรับตัวและเพิ่มแง่มุมการเล่นให้ได้ ตัวเบนเซม่าเองมีความสามารถในจุดที่ฮอยลุนด์ขาดอยู่แล้ว ก็น่าจะช่วยเติมเต็มให้ฮอยลุนด์มองเห็นแนวทางที่จะพัฒนาตัวเองให้สมบูร์กว่านี้ได้ในอนาคต
3. สไตล์ที่เหมาะสมที่สุดของกองหน้าที่จะเข้ามาอยู่กับแมนยูไนเต็ดชุดนี้ จริงๆแล้วมันคือ “กองหน้าตัวทำเกม” ซึ่งเหมาะมากสำหรับทีมที่มี “ปีกตัวเข้าทำ” ปีกที่เน้นจบสกอร์ ยิงเอง แบบที่เรามี แรชฟอร์ด การ์นาโช่อยู่ ทีมที่มีตัวหลักแบบนี้ กองหน้าควรเล่นเป็นตัวที่สามารถปั้นเกมด้วยตัวเองได้ ออกบอลฆ่าให้ปีกหลุดขึ้นไปยิงได้ เราต้องการแบบนั้น
คาริม เบนเซม่า คือกองหน้าสมบูรณ์แบบที่สามารถทำได้ทุกอย่าง โคตรตอบโจทย์การเล่นของแมนยู
เบนเซม่าจบสกอร์เองได้ ยิงเองได้ด้วยตัวเอง ทั้งจากทีมเวิร์คหรือความสามารถเฉพาะตัว แถมตอบโจทย์เรื่องการแบกจำนวนประตูให้ทีมด้วย
เบนเซม่าค้ำหน้าในลักษณะกึ่ง Target man ได้ ซึ่งนั่นเหมาะสำหรับการลิงค์อัพ และเป็นเป้าแข็งที่ไว้พักบอล เพื่อให้ปีกทั้งสองฝั่งแล่บขึ้นไปด้วยสปีดความเร็ว โดยที่เจ้าตัวไม่จำเป็นต้องวิ่งเอง เนื่องจากมีตัววิ่งอื่นๆอยู่แล้ว แม้กระทั่งบรูโน่ก็ตาม ถ้าได้ยืนสูง และมีเบนเซม่าค้ำหน้าอยู่ บรูโน่สามารถเติมเข้ากรอบได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยอีกหนึ่งตำแหน่งทันที
และสุดท้าย ความสามารถในการสร้างสรรค์เกม รู้กันอยู่แล้วว่าเซนส์บอล ทักษะ วิชั่นของเบนซ์นั้นยอดเยี่ยมขนาดไหน ถ้าได้เขามารับผิดชอบเล่นในแดนหน้า สมดุลทีมและประสิทธิภาพของเกมรุกจะลงตัวและกลมกล่อมทันที
ไทป์การเล่นของเบนเซม่า เหมาะกับแมนยูตอนนี้ที่สุด ถ้าไม่ใช่แฮรี่ เคน ก็ควรเป็นเขานี่แหละ
ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุผลที่ชัดเจนว่า ทำไมแมนยูไนเต็ดถึงควรที่จะดึงคาริม เบนเซม่า เข้ามาช่วยทีมในช่วงที่เหลือ หลังจากที่เจ้าตัวไปอยู่ลีกซาอุได้แค่ 6 เดือน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่โอเคกับที่นั่น และเล็งที่จะกลับมาค้าแข้งในยุโรปอีกครั้ง มันเลยเป็นกระแสข่าวที่น่าสนใจมากๆ แม้เจ้าตัวจะยิงได้ 12 ประตู 5 แอสซิสต์ จาก 20 นัดให้กับ Al-Ittihad แต่ก็เหมือนว่าจะมีการย้ายออกเกิดขึ้น
แล้วแมนยูถูกโฉลกกับ “กองหน้าตัวเก๋า” ซะด้วยสิ
หลายๆคนอาจจะมองว่า วิสัยทัศน์ของบอร์ดใหม่อย่าง เซอร์จิม เซอร์เดฟ โอมาร์ และ INEOS อาจจะไม่ต้องการนักเตะอายุเยอะเข้ามาแล้ว สำหรับการพัฒนาทีมในระยะยาวที่ต้องมองเรื่องของความก้าวหน้าเป็นสำคัญ แต่มันก็อาจจะมีทางออกตรงนี้ได้ เช่น เป็นสัญญาระยะสั้น ดีลไม่ต้องแพงมาก ซึ่งถ้าติดต่อดึงตัวมาได้จะเจ๋งสุดๆ โดยที่ระมัดระวังเรื่อง Contract ให้ดีๆ อย่าให้เป็นสัญญาที่สร้างปัญหาได้
ถ้าคุยค่าเหนื่อยกับเบนเซม่าได้ลงตัว ไม่ต้องจ่ายแพงเกินไป นั่นจะดีและเหมาะมากจริงๆสำหรับดีลระยะสั้นๆ โดยเฉพาะแค่ยืมตัวมาครึ่งฤดูกาล อันนี้จะเหมาะสมที่สุด เพราะทีมไม่ได้ต้องซื้อขาด แค่ดึงมาช่วยในครึ่งซีซั่นหลังนี้ก็พอ เพราะถึงเวลาซัมเมอร์นี้จริงๆ แมนยูไนเต็ดควรซื้อกองหน้าคนอื่นที่ไม่ใช่เบนเซม่า เพื่อเข้ามาเสริมทีมในระยะยาว เหมือนที่เรามีข่าวกับ Joshua Zirkzee กองหน้าตัวเก่งของโบโลญญ่านั่นเอง ที่มีข่าวว่ายูไนเต็ดเข้าไปคุยดีลอยู่
การจะดึงตัวเซิร์คซีเข้ามาในมกราคมนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยปัญหาของกฎการเงิน FFP และน่าจะต้องรอการยกเครื่องครั้งใหญ่ในซัมเมอร์ แต่ระหว่างที่รอกองหน้าคนใหม่เข้ามาแทนสล็อทของมาร์กซิยาลที่จะหมดสัญญาหลังจบฤดูกาลนี้ ระหว่างนั้นถ้ายืมตัวกองหน้าดีๆเข้ามาช่วยทีมได้สักคนหนึ่ง เราจะมีความหวังกว่านี้มากๆ และคาริม เบนเซม่า เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์จริงๆอย่างที่เขียนไป นึกภาพรียูเนี่ยนกับวาราน คาเซมิโร่ก็ฟินแล้ว
น่าเสียดายว่า ทุกอย่างที่เขียนมา เป็นความคาดหวังที่คงไม่เกิดขึ้น เพราะตอนนี้ข่าวแมนยูเงียบมาก ทั้งๆที่การผ่าตัดของมาร์กซิยาลชัดเจนแล้วว่า เราจะขาดเขาไปอีก 10 สัปดาห์ ซึ่งนั่นโคตรนาน จริงๆควรหาดีลยืมตัวระยะสั้นเข้ามาช่วยทีมสักหน่อย เหมือนที่ปีก่อนมีเว็กฮอร์ส กับ ซาบิทเซอร์ เข้ามาช่วยเรา ตลาดนี้แมนยูควรใช้ให้เป็นประโยชน์จริงๆ แต่ข่าวเงียบมากจนถึงตอนนี้
และล่าสุดก็มีออกมาแว่วๆอีกว่า สโมสรปฏิเสธโอกาสในการจะเซ็นสัญญากับเบนเซม่า เพราะเป็นดีลที่จำนวนเงินสูงมากเกินไปสำหรับการคว้าตัวกองหน้าวัย 36 ปีรายนี้เข้ามาล่าตาข่ายที่โอลด์แทรฟฟอร์ด (ซึ่งก็สูงจริงๆ ตามข่าวรายรับต่อปีของเขาที่ซาอุดิโปรลีกคือ “86ล้านปอนด์”)
มันเลยเป็นเรื่องน่าเสียดายจริงๆ
คลาดกันมาตั้งแต่ยุคป๋าที่อยากได้ตัวมากๆ นับตั้งแต่เขาเพิ่งจะสร้างชื่อขึ้นมากับลียง ยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้ ป๋าเคยพูดถึงเบนซ์เอาไว้ดังนี้
“เราพยายามจะจ่ายเงิน(ค่าตัวโรนัลโด้) คว้าคาริม เบนเซม่า ในอายุ 21ปีเข้ามา ผมรู้สึกว่ามันจะมีการพัฒนาได้ เขาแข็งแกร่ง กายภาพดี มีสถิติยิงที่ดี เพราะงั้นมันคุ้มค่าถ้าจะจ่ายเพิ่มเล็กน้อยด้วยอายุของเขา แต่ว่าพอมันกลายเป็น 42ล้านปอนด์ ซึ่งแพงเกินกว่ามูลค่ามันเลยก็เลยยาก เราให้ราคาไป 35ล้านปอนด์ และผมคิดว่านั่นสมเหตุสมผลแล้ว”
สรุปสุดท้าย เบนเซม่าย้ายไปมาดริดด้วยราคา 30 ล้านปอนด์ บวก add-ons ที่อาจเป็น 35ล้านปอนด์
ริโอ เฟอร์ดินานด์ เผยว่าป๋าอยากจะเซ็นกับเบนซ์ตั้งแต่หลังแมตช์ปี2008กับลียง ซึ่งเสมอกัน 1-1 ในนัดนั้นที่เบนเซม่าหวดด้วยซ้ายเข้าไปอย่างสุดคม ก่อนที่แมนยูจะตีเสมอท้ายเกมจากเตเบซ หลังนัดนั้นป๋าก็พยายามจะไปคุยเกลี้ยกล่อมด้วยอยู่เลย (ฟีลเหมือนตอนเจอโด้เป๊ะ)
โดยริโอบอกว่า “เซอร์อเล็กซ์พูดคุยกับเขาในอุโมงค์หลังเกมจบ และผมจำได้ว่ามีเจ้าหน้าที่บางคนเข้ามากันเขาออกไปเลย” เซอร์อเล็กซ์อยากได้มากแน่นอน
แต่สุดท้ายไม่ได้เมื่อเบนซ์ย้ายไปมาดริดในปี 2009 และ ไมเคิล โอเว่นก็เปิดเผยว่า ป๋าโทรมาและบอกกับเขาตั้งแต่แรกว่า “เราพยายามจะเซ็นเบนเซม่านะ ถ้าไม่สำเร็จ นายจะเป็นตัวเลือกที่สองของเรา” สุดท้ายแมนยูปีนั้นก็ได้โอเว่นมาแทนเบนเทนนั่นเองอย่างที่เราทราบกัน
ถ้าจะถามว่าช่วงเวลาไหนที่ใกล้เคียงมากที่สุดที่ประจวบเหมาะพอดีสำหรับการที่แมนยูกับเบนเซม่าควรจะได้ลงเอยด้วยกันสักที มันคือตอนนี้ โมเมนต์นี้แหละที่น่าไปดึงเบนเซม่าเข้ามาช่วยทีม กับคู่แข่งที่มีท่าทีและข่าวว่าต้องการตัวเบนเซม่าเช่นกันในช่วงนี้อย่าง อาร์เซนอล (ที่ขาดหน้าเป้าดีๆ) และทีมเก่าอย่างลียงเอง ส่วนยูไนเต็ดก็มีข่าวแว้บๆกับกองหน้าตัวเก๋าอีกคนอย่างชูโป-โมติง
ยังไงก็ตาม ตลาดยังไม่ปิด ยังเหลือลุ้นได้อีกราวๆหนึ่งสัปดาห์สุดท้าย.. อะไรก็เกิดขึ้นได้
ถ้ามีปาฏิหาริย์ช่วงท้ายตลาดนี้คงจะดี
#BELIEVE
-ศาลาผี-
References
https://www.irishmirror.ie/sport/soccer/soccer-news/ferdinand-owen-man-utd-benzema-24047391
https://www.mirror.co.uk/sport/football/transfer-news/manutd-karim-benzema-alex-ferguson-31956402
ขอบคุณเนื้อหาจาก Thsport.com