นาทีนี้ทุกแหล่งข่าวชั้นนำต่างชี้ตรงกันว่าจบฤดูกาลนี้ 2024 คิลิยัน เอ็มบั๊บเป้ จะย้ายไป เรอัล มาดริด

        เรื่องนี้ถือเป็นข่าวฮือฮาที่สุดนับแต่เปิดศักราชใหม่มาเลยทีเดียว เนื่องด้วยข่าว เอ็มบั๊บเป้ ย้ายทีมนั้นมีการติดตามกันและนำเสนอกันมายาวนานหลายปีจนกลายมหากาพย์ 



ชีวิตค้าแข้งของ เอ็มบั๊บเป้ ที่ เปแอสเช เต็มไปด้วยข่าวเรื่องการย้ายทีมที่มีออกมาเป็นระยะ เนื่องด้วยไม่มีใครเชื่อว่า เปแอสเช นั้นใหญ่พอสำหรับนักเตะฝีเท้าฉกาจอย่างเขา 


ทุกซัมเมอร์ หรือบางปีมาเกือบทุกไตรมาส วนเวียนอยู่อย่างนั้น จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นข่าวขาประจำที่นักดูบอลจะได้ติดตามอ่านอยู่เป็นนิจ 



ยิ่งตกเป็นเป้าหมายของมหาอำนาจลูกหนังโลกอย่าง เรอัล มาดริด ทุกคนต่างก็คิดเห็นไปในมุมเดียวกันว่า “มันจะเอาอะไรมาเหลือ” 



ทุกคนเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้ว วันนึง เอ็มบั๊บเป้ ก็ต้องไป เนื่องด้วย ลีก เอิง มันไม่ท้าทายพอสำหรับเขา แต่ว่าไปแล้ว มันก็น่าเหลือเชื่อตรงที่ว่า ไอ้ที่ทุกคนเชื่อกันมันจะเกิดขึ้นแน่ๆ มันกินเวลานานกว่าที่คาดกันไว้มาก ถ้าเรานับตั้งแต่วันที่ตกเป็นข่าวกับ เรอัล มาดริด หนแรกในปี 2017…จนถึงวันนี้สิริรวมแล้วก็ 7 ปีเข้าไปแล้ว ! 




เรื่องราวระหว่าง เอ็มบั๊บเป้ กับ เรอัล มาดริด ทางฝั่งแฟนๆชุดขาวมองว่าโรแมนติกแบบสุดๆ เป็นทีมที่ใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก ตอนยังเป็นหนูน้อยเขาติดโปสเตอร์ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไว้ในห้องนอน แถมตอนวัยละอ่อนยังเคยบินมาเยี่ยมสนามซ้อมบัลเดเบบาส 



ปี 2022 ถือว่าเป็นปีที่ เอ็มบั๊บเป้ ใกล้เคียงที่จะย้ายสู่ถิ่น ซานตีอาโก้ เบร์นาเบว มากที่สุด ครานั้น มาดริด ทุ่มสุดตัว พร้อมเทกระเป๋าจ่ายไม่อั้น ยื่นรอบแรก 160 ล้านยูโร เปแอสเช นิ่ง ก็ยื่นรอบ 2 ให้อีก 180 ล้านยูโร เปแอสเช ก็ยังเฉย 



เวลานั้นทางฝั่งสเปนรายงานกันอย่างมั่นใจว่า มาแน่ๆๆ แต่ท้ายที่สุด พลิกล็อค ! เอ็มบั๊บเป้ ตัดสินใจประกาศในเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาลว่าเขาบรรลุข้อตกลงต่อสัญญากับ เปแอสเช ออกไปเรียบร้อยแล้ว เล่นเอาที่ บรรยากาศที่กรุงมาดริด ฟ้าแทบถล่ม ดินแทบทลายเลยทีเดียว  



ห้วงเวลานั้นมีข่าวลือว่า เอ็มบั๊บเป้ โดน เอ็มมานูเอล มาครง ประธานธิบดีฝรั่งเศสเกลี่ยกล่อมให้อยู่ค้ำจุน ลีก เอิง ต่อไป ซึ่งเรื่องนี้เจ้าตัวปฏิเสธมาโดยตลอดว่าไม่จริง 




แต่ก็นั่นแหละครับ ด้วยข่าวนี้ บวกกับค่าเหนื่อยมหาศาล อ๊อปชั่นต่างๆที่ท่านชีคประเคนให้ (ราวๆปีละ 212 ล้านยูโร ก่อนหักภาษี) ส่งผลให้ เอ็มบั๊บเป้ ถูกเลื่อนฐานะจากนักฟุตบอลขึ้นเป็น ‘ท่านประธานเอ็ม’ ไปโดยปริยาย



เปแอสเช ทำทุกอย่าง ทุกวิถีทาง ทั้งขู่ทั้งปลอบ ทั้งมอบทรัพย์สิน ทั้งมอบสิทธิพิเศษ ด้วยวิธีการนี้ทำให้พวกเขาเก็บ เอ็มบั๊บเป้ ไว้กับทีมได้ยาวนานถึง 7 ปี ซึ่งมันยาวนานอย่างไม่น่าเชื่อ


ตรงนี้ก็ต้องให้เครดิต เปแอสเช และ ณ วันนี้ก็ได้พิสูจน์แล้วว่ายักษ์ใหญ่ปารีเซียงที่มีกลุ่มทุนกาตาร์หนุนหลังนี้ได้ยกระดับขึ้นมาเป็นทีมหมาอำนาจของวงการลูกหนังยุโรป ที่ใครก็ไม่อาจมองข้ามไปได้ 



ผิดกับยุคก่อนที่อย่าว่าแต่ เปแอสเช เลย ระดับแชมเปี้ยนหลายสมัยติดต่อกันอย่าง โอลิมปิก ลียง ถ้ามีนักเตะคนไหนโดดเด่นขึ้นมาก็จะถูกช้อนซื้อไปทุกคน 



ลีก เอิง ยุค 1 ทศวรรษก่อนหน้านี้ ถูกมองว่าเป็นลีกรอง เป็นแค่บ่ออนุบาลให้นักเตะลับฝีเท้า เมื่อกล้าแข็งก็โบยบินสู่ พรีเมียร์ลีก,ลา ลีกา หรือ อิตาลี ตรงนี้ต้องชื่นชมจริงๆว่า เปแอสเช เปลี่ยนภาพตรงนี้ไปแล้วอย่างสิ้นเชิง 




ทุกอย่างมีช่วงเวลาของมัน จังหวะชีวิตของ เอ็มบั๊บเป้ ก็เช่นกัน ที่สุดท้ายแล้ว ก็เป็นไปตามวิถี ต้องพบกับความเปลี่ยนแปลง ซึ่งก็ต้องยกความดีความชอบให้ เรอัล มาดริด ที่สู้มาเรื่อยๆ คิดอ่าน วางแผนสารพัด 



หน้าร้อนปี 2023 เอ็มบั๊บเป้ ตัดสินใจว่าเขาจะไม่ใช้อ๊อปชั่นต่อสัญญาเพิ่ม 1 ปีกับ เปแอสเช และเขาได้แจ้งเรื่องนี้กับ โฆเซ่ อังเคล ซานเชซ มือขวาของ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ 


มาดริด รับรู้เรื่องนี้ แต่หาได้วางใจไม่ พวกเขาเดินหน้าสร้างทีมของตัวเองโดยไม่ได้ปักหมุดแน่วแน่ว่า เอ็มบั๊บเป้ จะย้ายมา ทีมทุ่มเงินนับ 100 ล้านยูโรซื้อ จู๊ด เบลลิ่งแฮม เข้ามาเสริม เซ็นสัญญากับ เอ็นดริก วันเดอร์คิดจาก พัลไมรัส 



แต่ภาพ เอ็มบั๊บเป้ ก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆเมื่อก่อนเปิดซีซั่นปัจจุบันเจ้าตัวร่อนจดหมายถึง นาสเซอร์ อัลเคไลฟี่ ว่าจะไม่ขอใช้อ๊อปชั่นต่อสัญญา และเมื่อจบฤดูกาลจะย้ายออก 



เหตุการณ์นั้นทำเอา เปแอสเช ควันออกหูอีกรอบ สั่งตัดชื่อเขาออกจากการทัวร์ที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อ ลีกเอิง เปิดฤดูกาล เอ็มบั๊บเป้ ถูกส่งขึ้นไปนั่งดูเกมบนอัฒจรรย์เพื่อเป็นการสั่งสอน 



แต่เหตุการณ์พลิกผันเพียงแค่ไม่กี่วันหลังจากนั้น เอ็มบั๊บเป้ ได้กลับมาลงซ้อม และลงสนามในเกมลีก นัดที่ 2 หนนั้นมีการตีความไปว่าเขาคงโดนกล่อม และประเคนเงินให้เหมือนเึยจนใจอ่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไปเบื้องลึกเปิดเผยว่าเป็นเพราะเขายอมที่จะไม่รับเงินโบนัสค่าจงรักภักดีมูลค่า 80 ล้านยูโร 




วันเวลาผ่านไป กระทั่งเข้าสู่สัปดาห์แรกของเดือนมกราคมซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ เอ็มบั๊บเป้ สามารถเจราจาและเซ็นสัญญาล่วงหน้ากับทีมใดก็ได้ตามกฏของฟีฟ่า และ เรอัล มาดริด ก็ติดต่อมาอีกครั้ง 



โฆเซ่ อังเคล ซานเชซ อีกเช่นเคยที่โทรหา เพื่อสอบถามว่าไอ้ที่ว่าไว้เมื่อพฤษภาคมปีก่อนว่าจะไม่ต่อสัญญานั้น ยังเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า 



เมื่อได้รับการยืนยันว่า “ยังคงเป็นเช่นนั้น” มาดริด จึงเดินเครื่องทันที จัดการยื่นข้อเสนอและย้ำว่าขอเจราจารับคำตอบที่แน่ชัดภายในเดือนกุมภาพันธ์ 



ข่าวหลุดไปถึงสื่อใหญ่ของประเทศอย่าง มาร์ก้า ที่ออกมาประโคมว่า กุมภาพันธ์นี้จะมีข่าวใหญ่เกี่ยวกับ เอ็มบั๊บเป้ และมันก็ออกมาอย่างที่เราทราบกัน 


ทุกแหล่งข่าวชั้นนำยืนยันว่า เอ็มบั๊บเป้ ได้แจ้งกับ อัล เคไลฟี่ เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ว่าเขาจะย้ายทีม และจไม่รับฟังข้อเสนอใดๆจาก เปแอสเช อีก 



มาร์ก้า เล่นข่าวด้วยความมั่นใจว่า เอ็มบั๊บเป้ เซ็นสัญญากับ เรอัล มาดริด เรียบร้อยแล้วเป็นเวลา 5 ปี แม้จะไม่มีการยืนยันจากฝ่ายใด แต่ทุกคนเชื่อว่ามันก็น่าจะเป็นเช่นนั้น 




มีกระแสข่าวออกมาว่าอาจมีทีมอื่นปาดหน้า เรอัล มาดริด อยู่เหมือนกัน ทว่าจนแล้วจนรอด ก็ยังไม่มีวี่แวว ทุกคนเชื่อว่านาทีนี้ เรอัล มาดริด กับ เอ็มบั๊บเป้ กำลังจะลงเอยกันแล้ว ไม่มีอะไรพลิกล็อคอีก



ท่ามกลางควันข่าวการย้ายสู่ มาดริด ของ เอ็มบั๊บเป้ เกิดคำถามว่า ทีมชุดขาว จะมีปัญหาเรื่องเพดานค่าเหนื่อยหรือไม่ หากคว้าตัวดาวยิงฝรั่งเศสเข้ามา แต่ที่สุดแล้วรายงานจาก ลา ลีกา ที่ระบุว่า เรอัล มาดริด สามรรถใช้จ่ายได้ในฤดูดาล 2024-25 มากถึง 727.45 ล้านยูโร ก็สยบทุกข้อสงสัย ด้วยเพดานขนาดนี้ มาดริด ซื้อ ฮาลันด์ อีกคนยังได้ !  



แต่ มาดริด เองก็ไม่ได้ยื่นข้อเสนอที่เว่อร์วังอลังการให้ เอ็มบั๊บเป้ เหมือนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว พวกเขาจ่ายให้น้อยกว่าที่เคย และน้อยกว่าที่ เอ็มบั๊บเป้ รับจาก เปแอสเช ในปัจจุบัน 


ค่าเหนื่อยหลังหักภาษีอยู่ที่ราว 15-20 ล้านยูโรเท่านั้น ที่เป็นเช่นนี้ก็เพรา มาดริด ไม่ต้องการให้เกิดการกินแหน่งแคลงใจกับสตาร์รายอื่นในทีม หากแต่ก็ได้ออกแบบสัญญาที่เอื้อให้ เอ็มบั๊บเป้ คว้าเงินเข้ากระเป๋าเพิ่ม นอกเหนือไปจากค่าเหนื่อย ด้วยการจ่ายเป็นโบนัสในรูปแบบต่างๆ 



ไม่ว่าจะเป็นการคว้าแชมป์ถ้วยต่างๆ, การคว้ารางวัลส่วนตัว ,จำนวนประตู จำนวนแอสซิสต์ ที่ทำได้ จำนวนนัดที่ลงสนาม รางวัลส่วนตัวที่คว้าได้เช่น บัลลงดอร์ หรือ รองเท้าทองคำ 


นอกจากนี้ยังรนวมไปถึงส่วนแบ่งจากชิขสิทธิ์ภาพลักษณ์ที่สามารถเจราจาส่วนแบ่งกันได้ ค่าคอมมิชชั่นจากการลงเล่นเกมปรีซีซั่น ต่างๆเหล่านี้จะกลายเป็นเม้ดเงินไหลเข้ากระเป๋า เอ็มบั๊บเป้ ซึ่งเมื่อคิดดูแล้ว มันก็ไม่ได้แย่เลย นับเป็นรายได้ที่งดงามทีเดียว 




จุดนึงที่ว่ากันว่าทำให้ เอ็มบั๊บเป้ พอใจมากก็คือนอกจากโอกาสประสบความสำเร็จรายการใหญ่กับ เรอัล มาดริด แล้ว การย้ายมาสวมเสื้อชุดขาวยังทำให้มูลค่าในตัวเขาเพิ่มขึ้นอีกด้วย สปอนเซอร์ต่างๆ จะต้องจ่ายเพิ่ม หากหวังจะเข้ามาสนับสนุนเขา เพราะอีกไม่ช้าเขาจะเป็น เอ็มบั๊บเป้ แห่ง เรอัล มาดริด หาใช่ เปแอสเช 



ในแง่ของฟุตบอล มาดริด ก็ดึงดูด เอ็มบั๊บเป้ ได้อย่างมาก ตัวอย่างเช่น จู๊ด เบลลิ่งแฮม ใช้เวลาเพียง 8-9 เดือนจาก ดอร์ทมุนด์ ก้าวขึ้นเป็นมิดฟิลด์ลำดับต้นๆของโลกจากการเล่นให้กับ เรอัล มาดริด 



แล้วไหนยังจะได้ลงเล่นร่วมกับสตาร์ชั้นนำที่อยู่ในวัยไล่เลี่ยกันอย่าง เบลลิ่งแฮม,วินิซิอุส จูนียร์,โรดรีโก้,เฟเด วัลเวร์เด้,เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า,อูเรเลียง ชูอาเมนี่ ซึ่ง 2 รายหลังเป็นเพื่อนร่วมทีมชาติฝรั่งเศสอีกด้วย



ทุกอย่างดูลงตัง ลงล็อคไปเสียหมด ไหนยังจะมีงานเปิดตัวที่คาดว่าจะยิ่งใหญ่กลายเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของ เรอัล มาดริด ภายในสนามซานตีอาโก้ เบร์นาเบว ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่จนสวยงาม กลายเป็นเหมืองทองคำของ มาดริด 



จากทุกอย่างที่ร่ายมา คาดว่าไม่มีอะไรอีกแล้วนับจากนี้ที่จะเป็นอุปสรรคกางกั้นไม่ให้ เอ็มบั๊บเป้ ลงเอยกับ เรอัล มาดริด 


มหากาพย์ยาวนานใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว เหลืออีกราว 3 เดือนเศษๆเท่านั้น ภาพที่ทุกคนรอคอบกำลังจะเกิดขึ้น…คิลิยัน เอ็มบั๊บเป้ สวมชุดขาวล้วน กล่าวทักทายแฟนๆใน ซานตีอาโก้ เบร์นาเบว อันโอ่อ่าว่า HALA MADRID !!!


เจมส์ ลา ลีกา 



ขอบคุณเนื้อหาจาก Thsport.com