คงนับเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ของลีกยุโรป ฤดูกาล 2023/24 นี้ กับการที่ "ทีมใหญ่" ของ 2 ลีกอย่าง อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และ โอลิมปิก ลียง ต่างก็ตกระกำลำบาก เล่นอย่างผิดฟอร์มผิดฝาตัว จนต้องพบตัวเองที่ท้ายตาราง เอเรดิวิซี่ และ ลีก เอิง ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ประเด็นก็คือ ในขณะที่ อาแจ็กซ์ ดูพ้นขีดอันตรายไปเรียบร้อย ทางฝั่ง ลียง กลับยังคงหลงทาง ควานหาฝั่งไม่เจอจนวันนี้…
อย่างที่เคยร่ายยาวไว้แล้วว่า อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ปีนี้ ไม่เหลือลายเก่าแบบที่เป็นมหาอำนาจฟุตบอลดัตช์ ครองแชมป์ เอเรดิวิซี่ เป็นว่าเล่น หรือทีมที่เข้าถึงตัดเชือก จ่อจะเข้าชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แค่เอื้อม อีกแล้ว
การทยอยปล่อยนักเตะสำคัญๆ เฉลี่ยซัมเมอร์ละ 6-7 คนในตลอดหลายปีหลัง เป็นเสมือนแก้วที่โดนเคาะจนร้าว จนในที่สุดมันก็แตกดังเพล้ง
จุดต่ำสุดของทีมอย่าง อาแจ็กซ์ เกิดขึ้นเมื่อ 29 ต.ค. กับการลงไปสัมผัสตำแหน่ง "บ๊วย" เอเรดิวิซี่ ให้หลังจากการแพ้จ่าฝูงผู้ร้อนแรง (จนตอนนี้ก็ยังแรงไม่หยุด) พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น 2-5
ก่อนเกมนั้น อาแจ็กซ์ หลุดลงเป็นรองบ๊วยของตาราง ด้วยการแพ้ 4 เกมซ้อน (1-3 ทเวนเต้, 0-4 เฟเยนูร์ด, 1-2 อาแซด อัล์คมาร์, 3-4 อูเทร็คท์) และโปรแกรมก็ยังทำร้ายให้ต้องมาเจอของแข็งสุดอย่าง พีเอสวี เข้าให้อีก
ผลจึงปรากฏว่า อาแจ็กซ์ สู้ไม่ได้ชัดเจน แพ้เละ 2-5 เมื่อทั้งที่ บรังโก้ ฟาน เดน บูเมน ยิงให้ อาแจ็กซ์ นำก่อนแต่เนิ่นๆ น.10 และ ไบรอัน บร๊อบบี้ย์ ยิงนำ 2-1 ท้ายครึ่งแรก น.40 แต่ พีเอสวี ก็เจาะเอาคืนอย่างง่ายดาย ด้วยแฮตทริกของ เออร์วิ่ง โลซาโน่ น.20-60-72, ลุค เดอ ยอง น.49 และ อิสมาเอล ไซบารี่ น.52
ผลสกอร์นี้นับเป็นการแพ้เกมลีกนัดที่่ 5 ติดต่อกันของ อาแจ็กซ์ จนจากตำแหน่งรองบ๊วยก็กลายเป็นบ๊วยในทันที ด้วยการมีแค่ 5 แต้มเท่านั้นจาก 8 นัดแรก
อย่างไรก็ตาม ไม่น่าเชื่อว่าการตัดสินใจ "เปลี่ยนกุนซือ" ของ อาแจ็กซ์ จะกลายเป็นเหมือนการพลิกชะตาชีวิตของตัวเองไปด้วยในคราวเดียวกัน
ชดเชยความผิดพลาดที่ไปนำตัว มัวริซ สไตน์ กุนซือชาวดัตช์วัย 49 มาจาก สปาร์ต้า ร็อตเตอร์ดัม แล้วทำทีมล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง (ขณะที่ เฮดวิกส์ มาดูโร่ รักษาการคุมทีมสั้นๆ แค่ 7 วัน ระหว่างเปลี่ยนผ่าน) อาแจ็กซ์ กลับมา "เลือกถูก" อีกครั้ง กับการคว้า ยอห์น ฟานท์ ชิป กลับมารับตำแหน่ง
ยอห์น ฟานท์ ชิป (59) : อดีตตัวริมเส้นคนดังของ อาแจ็กซ์ ยุค 80 และอดีตมือขวาของ มาร์โก แวน บาสเท่น ทั้งในงานคุมทีมชาติเนเธอร์แลนด์ และ อาแจ็กซ์ รวมถึงเคยคุม อาแจ็กซ์ ระยะสั้นๆ มาเหมือนกันในปี 2009 (แล้วไปรับงานทั่วโลก ชีวาส, เมลเบิร์น ซิตี้, ซโวลล์, ทีมชาติกรีซ)
3 วันให้หลังจาก ฟานท์ ชิป เข้าคุมทีมด้วยสัญญาจนจบซีซั่น อาแจ็กซ์ ก็กลับคืนฟอร์ม ชนะ โฟเลนดัม ทันที 2-0 สตีเฟ่น เบิร์กไวน์ กับ ชูบา อัคพอม กดคนละเม็ด และทำคลีนชีตได้เป็นหนที่ 2 ของซีซั่น ถัดจากเกมเสมอ ฟอร์ทูน่า ซิตตาร์ด 0-0 แมตช์ที่ 3
ตัดริบบิ้นเฮนัดแรกแล้ว ก็สานความต่อเนื่องมาได้ยาวๆ
5 พ.ย. อาแจ็กซ์ กระหน่ำ ฮีเรนวีน 4-1 ชูบา อัคพอม ซัดสอง
12 พ.ย. เกือบชนะอยู่แล้ว ดันโดนจุดโทษทดเจ็บ เสมอ อัลเมเร่ ซิตี้ 2-2
ล่าสุดเมื่อเสาร์ที่แล้ว 25 พ.ย. อาแจ็กซ์ ของ ฟานท์ ชิป ก็ตูมตามโครมครามอีกครั้ง รัวบ๊วยทีมใหม่ วิเทสส์ อาร์เนม 5-0 แบบดาหน้ากันมายิง ทั้ง ยอร์เรล ฮาโต้ (กองหลังเด็ก 17), คริสเตียน ฮินส์สัน, ชูบา อัคพอม และ เคนเน็ธ เทย์เลอร์ (ส่วนอีกลูก ทีมเยือนยิงตัวเอง)
ส่วนเมื่อคืนนี้ เกม ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก นัดรองสุดท้าย อาจไม่ต้องนับก็ได้ กับการที่ อาแจ็กซ์ สิบคน ออกไปแพ้ โอลิมปิก มาร์กเซย 3-4 (ปิแอร์-เอเมริก โอบาเมย็อง แฮตทริก) เมื่อต่อให้ชนะก็ลุ้นเข้ารอบได้ยากอยู่ดีหลังจากเสมอ 2 แพ้ 2 มาก่อนหน้านี้
โฟกัสของ อาแจ็กซ์ จำเป็นต้องอยู่ที่ เอเรดิวิซี่ รายการเดียวเท่านั้น ซึ่งก็ถือว่าทำได้ดีเยี่ยมในยุคของ ยอห์น ฟานท์ ชิป ที่เก็บได้ถึง 10 จาก 12 คะแนนเต็มหลังสุด จนจากการเป็นบ๊วยตอนสิ้นเดือน ต.ค. นาทีนี้ อาแจ็กซ์ เด้งตัวขึ้นไปยืนอันดับ 8 แล้ว ด้วยแต้มที่แม้จะตามหลังท็อป 4 ค่อนข้างห่าง (15:27) แต่ก็แข่งน้อยกว่าชาวบ้านอยู่ 1 นัด
และที่สำคัญคือ ถ้ายังเดินหน้าคว้าชัยได้อย่างต่อเนื่องระยะยาว การกลับสู่หัวตารางก็ใช่จะเป็นไปไม่ได้
วันฝนพรำเคลื่อนผ่านพวกเขาไปแล้ว ที่เหลือดูมีแค่ว่าจะ "ดีมาก" หรือ "ดีน้อยหน่อย" เท่านั้น
พร้อมๆ กันกับความตกต่ำของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ก่อนหน้านี้ จะพบว่าที่ ลีก เอิง ฝรั่งเศส มีทีมที่ "เผชิญชะตากรรมเดียวกัน" อยู่
นั่นคือ โอลิมปิก ลียง
ในขณะที่ช่วงสิ้นเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา อาแจ็กซ์ หน้าทิ่มดินลงถึงบ๊วยเอเรดิวิซี่ มองไปที่ ลีก เอิง จะพบ โอลิมปิก ลียง อมบ๊วยแก้มตุ่ยไม่ต่างกัน
นับเป็นเรื่องน่าประหลาดแหงอยู่แล้ว เมื่อภาพจำแบบที่ไม่ต้องขุดประวัติศาสตร์หรือพงศาวดารมากาง ลียง ก็คือทีมที่ "ลงเป็นยิง" โดยเฉพาะในยุคที่มี คาริม เบนเซม่า, จูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน่, ฟลอร็องต์ มาลูด้า, ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา หรือ ซิลแว็ง วิลตอร์ เป็นตัวชูโรง
เบนเซม่า ก้าวขึ้นมาเป็นยอดดาวยิงแห่งยุค จน เรอัล มาดริด ต้องมาคว้าตัวไป
จูนินโญ่ ก็สร้างชื่อเป็นเจ้าพ่อฟรีคิกแถวหน้าของโลก คิดถึงฟรีคิก คิดถึงพี่จู
จน ลียง ช่วงนั้น จารึกผลงานเอาไว้ว่าพวกเขาคือ แชมป์ ลีก เอิง 7 สมัยซ้อน ระหว่างปี 2002-2008
หรือไม่ต้องย้อนไปสิบกว่าปีขนาดนั้นก็ได้ ในช่วงหลังที่ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง "รับเหมา" ความสำเร็จในประเทศนั้น ลียง ก็ยังมีผลงานชิ้นโบว์แดงอย่างการเข้าถึงรอบตัดเชือก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2019/20 มาแล้ว
ในปีนั้นที่ฟุตบอลโดนโควิดเล่นงานเข้าอย่างจังจน ยูฟ่า ต้องปรับรอบน็อกเอาต์ให้เหลือเตะแบบเกมเดียวจบ (โปรตุเกส เป็นเจ้าภาพ) ลียง ของ รูดี้ การ์เซีย กล้าๆ เขี่ย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ร่วงไปในรอบ 8 ทีม ด้วยชัยชนะ 3-1 มุสซ่า เดมเบเล่ ซัดสอง ก่อนที่จะมาเบรคแตก แพ้ บาเยิร์น มิวนิค 0-3 รอบตัดเชือก
ส่วนกับการทำอันดับในลีก ก็ไม่ได้ถือว่าแย่มากมายอะไรในตลอดหลายปีหลัง
จึงน่าตั้งคำถามว่า มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกับ ลียง ซีซั่นนี้ ถึงเป็นได้ขนาดนี้?!?
อย่างที่ว่า ในขณะที่ช่วงสิ้นเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา อาแจ็กซ์ หน้าทิ่มดินลงถึงบ๊วยเอเรดิวิซี่ มองไปที่ ลีก เอิง จะพบ โอลิมปิก ลียง อมบ๊วยแก้มตุ่ย
ประเด็นก็คือ ลียง หงายหน้า ขาชี้ฟ้ามาตั้งแต่เริ่มต้นซีซั่นนี้แล้วด้วยซ้ำ
ทั้งที่อยู่ภายใต้การดูแลของกุนซือมือดีอย่าง โลร็องต์ บล็องก์ (บอร์กโดซ์, ฝรั่งเศส, เปแอสเช, อัล-รายยาน) แต่กลายเป็นว่าการกลับมาสู่ลีกบ้านเกิดงวดนี้ ล้มเหลวอย่างรุนแรงสำหรับเขา
ต่อเนื่องจากซีซั่นก่อนที่ทำทีมเข้าป้ายอันดับ 7 (มารับตำแหน่งแทน ปีเตอร์ บอสซ์ ช่วงเดือน ต.ค.) ก็ต้องถือว่าเจ้าของสโมสรรายใหม่ชาวอเมริกัน จอห์น เท็กซ์เตอร์ (ร่วมหุ้น คริสตัล พาเลซ) ค่อนข้างโหดจัดเลยที่สั่งเด้ง บล็องก์ พ้นตำแหน่งไปหลังจากซีซั่นใหม่นี้เริ่มต้นขึ้นแค่ 4 นัดเท่านั้นเอง
เป็นเรื่องจริงที่ ลียง จมบ๊วย ลีก เอิง ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว และดูเละเทะไม่ค่อยเป็นทรงในการดูแลของ บล็องก์ แต่ก็มีบางเสียงที่บอกว่า เท็กซ์เตอร์ ด่วนตัดสินใจไปเยอะเลย เมื่อซีซั่นใหม่ก็เพิ่งจะผ่านไปแค่เดือนเดียว ยังมีเวลาให้ฟื้นตัวอีกเยอะ
บล็องก์ ไป ที่เข้ามาใหม่คือ ฟาบิโอ กรอสโซ่ อดีตกองหลังแชมป์โลกของทีมชาติอิตาลี ที่ผ่านงานคุมทีมระดับย่อมๆ มาไม่น้อยเหมือนกัน – บารี่, เฮลลัส เวโรน่า, เบรสชา, ซิยง, โฟรซิโนเน่
อาจสำคัญกว่า CV งานโค้ช ก็คือ กรอสโซ่ เคยเป็นนักเตะของ ลียง เองนี่แหละ ในช่วงระหว่างปี 2007–2009 ดังนั้นจึงน่าจะรู้ตื้นลึกหนาบางในทีมอยู่ไม่ใช่น้อย
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าข้อสังเกตนี้จะใช้ไม่ได้กับ กรอสโซ่
โค้ชหนุ่มวัย 46 ไม่อาจ "แงะ" ทีมที่บี้แบนจมบ๊วยจากช่วงเวลาของ บล็องก์ ขึ้นมาได้สักนิดเลย ภายหลังเริ่มต้น 2 เกมแรกด้วยการแพ้ แบรสต์ 0-1 และ แร็งส์ 0-2
ถัดจากนั้นมาอีก 5 นัด ลียง เริ่มเป็นผู้เป็นคนขึ้นได้บ้าง มีเกมบุกชนะ แรนส์ 1-0 ให้เห็น รวมถึงเสมอ ลอริยองต์ 3-3 หรือเสมอ เม็ตซ์ 1-1
ปัญหาก็คือ แต้มที่เข้ามือก็ยังไม่มากพอให้ ลียง เด้งตัวขึ้นไปจากบ๊วยลีกน้ำหอมได้แต่อย่างใด
12 นัด (เตะน้อยกว่าเพื่อนนัดนึง) ผ่านไป ลียง ชนะ 1 เสมอ 4 แพ้ 7 เพิ่งมีแค่ 7 แต้ม ตามหลังโซนปลอดภัย อันดับ 15 ตูลูส 5 แต้ม (7:12) เช่นเดียวกับตาม ลอริยองต์ กับ แกลร์กมงต์ ฟุต อยู่ที่ 4 และ 3 แต้ม ตามลำดับ
จนให้หลังจากเกมล่าสุดที่แพ้ ลีลล์ คาบ้าน 0-2 วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ฟาบิโอ กรอสโซ่ ก็ถูกสั่งเด้งพ้นเก้าอี้ไปเรียบร้อย แม้จะเพิ่งทำทีมไปได้แค่ 7 นัดเท่านั้นก็ตาม
เท่ากับ กรอสโซ่ จากงานนี้ไปทั้งที่รอยช้ำบนใบหน้า จากการโดนแฟนบอล มาร์กเซย ปาหินใส่รถบัส ยังไม่ทันหายดีแต่อย่างใด
สื่อหลายๆ เจ้ามีการวิเคราะห์กันว่า เพราะอะไร ลียง จึงตกต่ำได้ถึงเพียงนี้–แบบที่มาถึงเดือนส่งท้ายปีกันแล้ว ก็ยังคงจมบ๊วยดิ้นไม่หลุดอยู่ต่อไป
เหตุผลที่พอจะมีน้ำหนักอยู่บ้าง ก็อาจมีสัก 2-3 ข้อ เช่นว่า
1. ทำธุรกิจผิดพลาด – ตลาดซัมเมอร์ที่ผ่านมา ลียง ทำเงินได้เป็นร้อยล้านยูโรทีเดียว กับการตกลงขาย แบร๊ดลี่ย์ บาร์โคล่า ไปปารีสฯ 45 ล้าน, คาสเตโย่ ลูเกบา ไปไลป์ซิก 30 ล้าน, โรแม็ง ฟาฟร์ ไปบอร์นมัธ 15 ล้าน และอีกหลายคนคนละ 4-5 ล้าน ไม่รวม มุสซ่า เดมเบเล่ ปล่อยฟรีไปซาอุฯ
ปัญหาคือ ขายได้เงินเพียบ แต่เจียดไปซื้อตัวใหม่ได้จิ๊บจ๊อยเหลือเกิน แพงสุด คลินตัน มาต้า จาก คลับ บรูช 5 ล้านยูโร
มีตัวเลขที่ถูกสรุปไว้ด้วยคือ ลียง ขายออกได้เงินมา 107 ล้านยูโร ส่วนขาเข้าซื้อไปแค่ 19 ล้านยูโรเท่านั้น
เมื่อขาออกกับขาเข้า ไม่สมดุลกัน ก็ส่งผลโดยตรงถึงผลงานในสนาม
2. เจ้าของใหม่ใจร้อนเกิน – อย่างที่เกริ่นไว้แล้ว ว่าแม้ซีซั่นก่อนจะไม่ค่อยดี แล้วต่อเนื่องมายังซีซั่นนี้ที่จมบ๊วย ก็ยังดูเร็วไปหน่อยที่ โลร็องต์ บล็องก์ จะได้ซองขาวหลังผ่านไปแค่ 4 นัด
เช่นกัน ฟาบิโอ กรอสโซ่ ก็ได้อยู่ทำงานแค่ 7 เกมเท่านั้น
จอห์น เท็กซ์เตอร์ กำลังทำให้ ลียง กลายเป็น เชลซี แห่งลีกฝรั่งเศส
ในแง่ของการเปลี่ยนกุนซือแบบ "ตามใจฉัน"
หรือ 3. นัดกันฟอร์มตก – อันนี้ชัดเจนมาก สะท้อนจากผลงาน และอันดับตาราง
12 นัดผ่านไป ลียง อาจโดนยิงไม่ได้เยอะมาก ที่ 21 ลูก โดยยังมีทีมที่โดนยิงเยอะกว่านี้
แต่ปัญหาหนักกว่านั้นคือเกมรุก ลียง ชุดนี้ที่นำโดย อเล็กซองดร์ ลากาแซตต์ กัปตันทีมวัย 32 ยิงรวมกันได้แค่ 9 ลูกเท่านั้นเอง
ไม่อยากเทียบแต่ก็ต้องเทียบ ว่า คีลิยัน เอ็มบัปเป้ คนเดียว ยิงแล้ว 14 ประตูใน ลีก เอิง ซีซั่นนี้
ทั้ง 3 ข้อที่ว่า คือจุดสลบทำให้ ลียง ลงเป็นเละ ในตลอดซีซั่นนี้
ที่น่าหวาดหวั่นก็คือ ในช่วงเวลาที่ยังตั้งหลักไม่ได้อยู่แบบนี้ พวกเขาก็ยังมีเกมยากๆ ที่รออยู่อย่างการพบ ล็องส์ เสาร์นี้ หรือ มาร์กเซย, โมนาโก, น็องต์, แรนส์ ฯลฯ ในคิวถัดๆ ไป
คงต้องจับตาดูกันต่อว่า ลียง จะคว้าใครเข้ามาเป็นกุนซือใหม่ รายที่ 3 ของซีซั่นนี้
และเขาคนนั้นจะพลิกชะตาทีมอย่างที่ ยอห์น ฟานท์ ชิป ทำกับ อาแจ็กซ์ ได้รึเปล่า
ขอบคุณเนื้อหาจาก 90min.com
https://www.90min.com/th/posts/feature-update-ajax-and-lyon-situation-in-december-2023