รายการ: ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก 2023/24วันแข่งขัน: วันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2567สนาม: สแตมฟอร์ด บริดจ์ผลการแข่งขัน: เชลซี 1-0 ฟูแล่ม

อาจไม่ได้วิกฤตขั้น นิวคาสเซิ่ล แต่จำนวนตัวเจ็บที่ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ต้องเจอ ก็ใช่ว่าจะยิ่งหย่อนไปกว่ากัน – มีถึง 8-9 รายที่เดี้ยงกินด้วยอาการแตกต่างกัน บวกกับ นิโคลัส แจ๊คสัน ไปรับใช้ชาติเตะศึกชิงแชมป์กาฬทวีป

ผลที่เกิดขึ้นคือ ไม่ว่าจะมีเกมสักกี่มากน้อย มีสักกี่ถ้วยให้ต้องโรมรันประชันขันแข่ง โปเช็ตติโน่ ก็ต้องใช้ "ทีมเดิมๆ" ที่ลงสนามตลอดช่วงหลัง ลงไปอย่างต่อเนื่องแบบห้ามป่วยห้ามลาห้ามมาสายและห้ามตายเพิ่ม ไม่เช่นนั้นต้องมีหันหาแข้งเด็กเยาวชนกันบ้าง

เกมนี้ เปลี่ยนจากนัดแพ้ เดอะ โบโร่ 0-1 เมื่อกลางสัปดาห์ แค่ตำแหน่งเดียว คือให้ อาร์มันโด้ โบรย่า ลงไปปักหลักหน้าเป้าตัวจริง แทนที่ โนนี่ มาดูเอเก้ ในขณะที่ โคล พาลเมอร์ ซึ่งถูกดันขึ้นไปเล่นศูนย์หน้าฟอลส์ไนน์ ได้ถอยลงมาเป็นหนึ่งใน 3 กลางรุก ตามถนัด

น่าสนใจว่าเกมถัดจากนี้ที่จะเว้นช่วงไป 10 วันเต็ม (23 ม.ค. แก้มือกับ โบโร่) จะมีใครที่หายเจ็บฟื้นฟิตกลับมาช่วย เชลซี เพิ่มเติมบ้าง

จากการประเมินผลการแข่งขันหลังเริ่มเขี่ยลูกไปไม่นาน เชลซี ถูกยกให้มีโอกาสกำชัยมากกว่า ฟูแล่ม ชัดเจน

48% เชลซีชนะ / 30% ออกเสมอ / 22% ฟูแล่มเข้าวิน

นั่นคงเพราะผลงาน "เกมเยือน" ของ ฟูแล่ม ในการทำทีมของ มาร์โก ซิลวา ซึ่งชัดเจนว่าติดลบตลอดช่วงหลัง โดยเฉพาะใน พรีเมียร์ลีก ที่แพ้มา 4 เกมซ้อนแล้วก่อนหน้านี้

ในภาพกว้างกว่านั้น คือการที่ ฟูแล่ม ติดอันดับ "รั้งท้าย" เป็น 3 ทีมสุดท้ายที่เล่นเกมเยือนได้แย่ที่สุดใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ ด้วยผลงานเตะ 10 นัดชนะ 1 เสมอ 3 ที่เหลือแพ้ไปถึง 6

แย่กว่านี้ มีแค่ นิวคาสเซิ่ล (5 แต้ม) กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (2 แต้ม) เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ควรให้เครดิตบางส่วนกับ ฟูแล่ม ว่าอันที่จริงพวกเขาก็ใช่ว่าจะเล่นแย่ และโดยเฉพาะครึ่งหลังที่ถ้า เชลซี ไม่ได้ความเหนียวหนึบของ ยอร์เย่ เปโตรวิช ช่วยไว้ ก็ไม่รู้ออกหน้าไหนแล้วเหมือนกัน

ประตูเดียวที่เกิดขึ้น มาจากความผิดพลาดของ อิสซ่า ดิย็อป ที่เสียบใส่ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ต่อหน้าต่อตาผู้ตัดสิน จนไม่ต้องเสียเวลาย้อนเช็ค VAR

และในเกมที่ถือว่าฟอร์มโดยรวมค่อนข้างเงียบ ก็เป็นอีกครั้งที่ โคล พาลเมอร์ แสดงให้เห็นถึงความ "พิเศษ" ในการสังหารจุดโทษ

นี่คือประตูจากจุดโทษลูกที่ 5 ของเจ้าหนูวัย 21 ในซีซั่นนี้ โดยที่ไม่มีการยิงพลาดมาคั่นกลางเลยแม้แต่ครั้งเดียว (ยังมีเกมชนะดวลเป้า นิวคาสเซิ่ล 4-2 ในคาราบาว คัพ นั่น พาลเมอร์ ก็ไม่พลาดในฐานะตัวยิงเบอร์แรกสุด)

น่าทึ่งแค่ไหน ว่านี่คือซีซั่นแรกของการย้ายจาก แมนฯ ซิตี้ มายัง เชลซี, ซีซั่นแรกของการเล่นตัวจริงใน พรีเมียร์ลีก เต็มตัว และซีซั่นแรกของการเป็นมือสังหารในระดับนี้ จากที่แต่ก่อนเป็นมือสังหารในทีมเยาวชน ยู-18 เท่านั้น

หัวจิตหัวใจเยือกเย็นเป็นน้ำแข็ง — 'Cold Palmer'

15 นาทีท้าย การเปลี่ยนตัวของ โปเช็ตติโน่ น่าสนใจดี กับการส่งรองกัปตัน เบน ชิลเวลล์ ลงสำรองไปเพื่อแทนที่… ราฮีม สเตอร์ลิ่ง!

หนึ่งคือ คนสำคัญอย่าง ชิลเวลล์ กลับมาฟิตพร้อมแล้ว หลังอาการเจ็บหนล่าสุดทำให้หายหน้าไป 18 นัดซ้อน

สองคือ แท็กติกที่ใช้ ลีวาย โคลวิลล์ ปักหลักแบ็กซ้ายไปตามเดิม และให้ ชิลเวลล์ ลงไปเป็นกึ่งๆ แบ็ก กึ่งๆ วิงแบ็กซ้าย เป็นเสมือนแบ็กซ้ายตัวที่ 2 ก็ถือว่า "เข้าท่า"

ใช่อยู่ว่าแง่หนึ่งคือทำให้เกมรุกทางฝั่งซ้ายลดทอนประสิทธิภาพลงไป แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็ถือการแพ็คเกมแน่น เน้นความแน่นอน จำกัดพื้นที่เล่นของคู่แข่งลง ในเป้าหมายของการตรึงสกอร์เอาไว้ตลอดรอดฝั่ง

เกมนี้ ชัยชนะ 1-0 ที่ได้มา ก็เข้าเป้าพอดีกับหมากที่ โปเช็ตติโน่ จัดให้

อย่างหนึ่งที่ ฟูแล่ม ต้องยอมรับก็คือ วันนี้ เกมรุกของพวกเขาค่อนข้างน่าผิดหวัง

ราอูล ฮิมิเนซ โดนตัดออกจากเกมในครึ่งแรก เมื่อความแข็งแกร่งสู้คู่เซนเตอร์แบ็กสิงห์อย่าง อักเซล ดิซาซี่ – ติอาโก้ ซิลวา ไม่ได้

มาครึ่งหลังเมื่อมีโอกาสส่องเน้นๆ 1 ครั้ง ก็ติดซูเปอร์เซฟ ยอร์เย่ เปโตรวิช ไปเสีย

ส่วนถัดลงมาจากหน้าเป้า ตัวเสริมอย่าง อันเดรียส เปเรยร่า, วิลเลี่ยน, แฮร์รี่ วิลสัน หรือบรรดาตัวสำรองทั้งหลายแหล่ วันนี้ "บอดสนิท" แม้กระทั่งลูกฟรีคิกระยะอันตราย 2-3 หนที่ฟูแล่มได้ ก็กดข้ามคานทิ้งขว้างกันไปหมด

ผลจึงลงเอยด้วยการแพ้นอกบ้าน 5 เกมซ้อน และไม่ชนะใครนอกบ้านมา 10 นัดติดแล้วสำหรับ ฟูแล่ม (เสมอ 3 แพ้ 7)

คงไม่ถึงกับต้องทำหนังสือสดุดี แต่ เชลซี คงต้องนึกขอบคุณ ฟูแล่ม อยู่ในใจ ว่าเอา 6 แต้มเต็มมามอบให้พวกเขา ทั้งเหย้าทั้งเยือนในซีซั่นนี้

ที่ คราเวน ค็อตเทจ ทีมตราสิงห์บุกขย้ำ 2-0 เมื่อเดือน ต.ค. จากประตูของ มิไคโล มูดริค กับ อาร์มันโด้ โบรย่า น.18-19

ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ เชลซี ย้ำแค้น 1-0 ประตูโทนจุดโทษของ โคล พาลเมอร์

6 แต้มเต็มจากเจ้าสัวน้อย และการ "ติดเครื่องเบาๆ" ชนะเกมลีก 3 นัดซ้อน (2-1 คริสตัล พาเลซ, 3-2 ลูตัน ทาวน์, 1-0 ฟูแล่ม) เป็นครั้งแรกในซีซั่นนี้ พาให้ เชลซี ขึ้นอันดับ 8 ชั่วคราวโดยมี 31 แต้มในมือ

ส่วนถัดจากนี้ จะเป็นช่วงเบรคหนีหนาวเล็กๆ (ซึ่งอาจไม่ได้ปล่อยตามสบายพัก) แล้วกลับมาเตะตัดสิน รอบตัดเชือก คาราบาว คัพ ในอีก 10 วันข้างหน้า ต่อด้วยซัดกับ แอสตัน วิลล่า ในรอบ 4 เอฟเอ คัพ ขณะที่เกมลีกที่รออยู่ เป็นบิ๊กแมตช์กับ ลิเวอร์พูล ณ แอนฟิลด์

ขอบคุณเนื้อหาจาก 90min.com
https://www.90min.com/th/posts/post-match-analysis-chelsea-1-0-fulham-premier-league-2023-24