สำหรับ "เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาโนลด์"
นอกจากการเป็นสเกาเซอร์ และเด็กที่เติบโตมากับระบบเยาวชนของทีม จนกลายมาเป็นรองกัปตันทีมสิ่งที่เขากลายมาเป็นขวัญใจแฟนบอลลิเวอร์พูล นั่นคือความสามารถในการเล่นฟุตบอล
หนึ่งจุดเด่นที่สุดของเทรนต์ นั่นคือความสามารถในการผ่านบอล รวมถึงการเติมเกมรุก ทั้งในบทบาทแบ็คขวา พร้อมกับการถูกขยับมาเป็นกองกลาง
อย่างไรก็ตาม กว่าที่เขาจะก้าวมาประสบความสำเร็จ จนยึดตำแหน่งตัวจริง พร้อมกับพาทีมกวาดแชมป์อย่างมากมาย
เขาต้องผ่านแบบทดสอบอย่างโชกโชน โดยเฉพาะการซ้อมที่หนักหน่วง ชนิดที่ไม่แพ้ใคร เราลองมาดู การฝึกซ้อมในแบบฉบับของเทรนต์ ดูกันว่าเขาฝึกซ้อมอย่างไร จนก้าวมาถึงจุดนี้
เทรนต์ เริ่มต้นกล่าวถึง เคล็ดลับการฝึกซ้อมของตัวเองว่า เขาพยายามรักษาความยืดหยุ่นของร่างกาย เพื่อการยืนระยะ ในการแข่งขันที่แสนหฤโหดชีวิตประจำวันของเทรนต์ เขาอยู่ที่สนามซ้อมของลิเวอร์พูล เฉลี่ยประมาณวันละ 5 ชั่วโมงครึ่ง
เทรนต์ เผยความลับต่อไปว่า การฝึกซ้อมจะค่อยๆเพิ่มความเข้มขึ้นมากขึ้น ระหว่างสัปดาห์ แต่วันก่อนเกมแข่งขันจริง ทีมจะเน้นที่เรื่องแท็คติกเป็นหลัก ในช่วงก่อน และหลังการฝึกซ้อม เทรนต์ ชอบทำงานร่วมกับนักกายภาพบำบัด เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อม เพื่อการลงเล่น 2 หรือ 3 เกมต่อสัปดาห์
เรื่องราวที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้คือ ช่วงแรกที่เทรนต์ ก้าวเข้ามาเล่นกับทีมชุดใหญ่ เขาได้รับบาดเจ็บบ่อยมาก แต่ช่วงหลังนั้น เขากลับพลาดการลงสนามน้อยเอามากๆ ตัวเลขเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา (2022-23) เขาบาดเจ็บ และพลาดลงเล่นไป 1 เกมเท่านั้น
ปัจจัยสำคัญ เทรนต์ บอกว่าเขาทำงานในโรงยิมหนักมาก เพื่อเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกายตัวเอง แต่ก็ไม่ได้เป็นการออกกำลังแบบขาดสติ เขาไม่ลืมมอบความผ่อนคลายให้กับกล้ามเนื้อด้วย โดยเทรนต์ กล่าวว่า “ผมจะใช้เวลา 40 นาที ภายในโรงยิม ก่อนลงไปฝึกซ้อมประจำวัน”
“ผมไม่ได้เน้นที่การยกน้ำหนักเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงการยืดเส้นยืดสายผมต้องทำให้ทุกอย่างกระฉับกระเฉง นอกจากนี้ ผมต้องแน่ใจว่าข้อเท้า และข้อต่อต่างๆ มีความพร้อมมากที่สุด ก่อนที่ผมจะสวมรองเท้าสตั๊ด และไปฝึกซ้อมข้างนอก ที่กินเวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง”
“นอกจากนี้ ผมยังชอบเล่นโยคะ และยืดกล้ามเนื้อที่บ้านอีกด้วย ทุกวันนี้ ฟุตบอลเป็นงานตลอด 24 ชั่วโมง ในตลอดทุกวัน หากคุณสามารถฟื้นตัวได้ดีขึ้น หรือนอนหลับได้ดีขึ้น ผมมองว่า ตัวเองยังคงมีอะไรทำอีกมากมาย นอกเหนือจากงานในสนามฝึกซ้อม”
เทรนต์ บอกต่อไปว่า เขาเป็นคนที่ซ้อมหนัก ทั้งตามโปรแกรมที่ทีมจัดมาให้ รวมถึงโปรแกรมพิเศษ ที่เขาเป็นคนกำหนดด้วยตัวเอง ตามข้อมูลจากเขาระบุว่า ตามปกติแล้ว ลิเวอร์พูล มีวันหยุดพักผ่อนให้กับบรรดานักเตะ สัปดาห์ละ 1 วัน
เทรนต์ มักใช้เวลาว่าง 1 วันนั้น ดูแลร่างกายตัวเองเพิ่มเติม เน้นไปที่การสร้างความแข็งแรงให้กับตัวเอง โดยกล่าวว่า “เรามีวันพักประมาณ 1 วันต่อสัปดาห์ ผมคิดว่าเวลาพัก 3 วันต่อเดือนก็โอเคแล้ว ผมสนุกกับการแข่งขันมาก มันเข้มข้น และหนักหน่วง แต่มันเป็นวิธีที่ดีที่สุด ในการยกระดับตัวเอง”
“ผมมีลู่วิ่งใต้น้ำ, สระว่ายน้ำ, อ่างจากุซซี่ร้อน และเย็น รวมถึงอ่างน้ำแข็งด้วย ทั้งหมดนั้น ช่วยในเรื่องของการฟื้นฟู ผู้เล่นบางคน อาจใช้เวลา 10 นาที ในอ่างน้ำแข็ง บางคน อาจจะใช้เวลาเพียง 1 ถึง 3 นาทีในอ่างจากุซซี่เย็น และ 1 นาทีในอ่างจากุซซี่ร้อน”
“ผมมองว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการทดลอง และค้นหาจุดที่เหมาะสม สำหรับนักเตะแต่ละคน” นี่คือภาพรวมการฝึกซ้อม และชีวิตประจำวันของเทรนต์ เราจะเห็นได้เลยว่า เขามีการฝึกซ้อมฝังอยู่ในแนวคิดของตัวเอง เทรนต์ มองว่า การฝึกซ้อมหนัก ไม่เพียงเป็นการลดจุดอ่อน แต่ยังเป็นการพัฒนาจุดแข็งของตัวเองด้วย
หนึ่งจุดเด่นของเทรนต์ คือการแอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีมทำประตู บ่อยครั้ง การแอสซิสต์ เกิดจากการที่เขารับหน้าที่เล่นลูกนิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดลูกเตะมุม, เปิดเซตพีซ หรือว่าการสังหารฟรีคิกด้วยตัวเอง จนการเล่นลูกนิ่ง กลายมาเป็นอาวุธประจำกายของเขา
เทรนต์ ออกมากล่าวต่อว่า “ลูกนิ่ง” คือสิ่งที่เขาฝึกซ้อมอย่างหนัก จนกลายเป็นความเคยชิน และต่อยอดสู่การเล่นในสนาม เคล็ดลับสำคัญของเขา ในการเล่นลูกนิ่งได้ดี คือการค้นหาจังหวะ และการทำซ้ำไปซ้ำมา ตามแบบฉบับของตัวเอง
โดยกล่าวว่า “อันดับแรก คุณต้องค้นหาเทคนิค และกิจวัตรที่เหมาะกับคุณ ลองคำนวณดูว่า คุณเดินออกห่างลูกฟุตบอลไปกี่ก้าว ? จากนั้น คุณจะต้องค้นหาตำแหน่งที่คุณทำมุมกับลูกฟุตบอล ทั้งหมดนั้น เพื่อให้การเล่นลูกเซ็ตพีซ มีความสม่ำเสมอ”
“อธิบายให้เห็นภาพง่ายๆ คุณไม่สามารถเตะฟรีคิก ด้วยการถอย 2 ก้าว แต่กลับมาถอย 4 ก้าว ในการเตะครั้งต่อไป การทำอะไรที่ไม่เหมือนเดิม หรือหลุดออกไปจากความเคยชินที่ฝึกซ้อม คุณไม่สามารถคาดหวังผลลัพธ์ได้ ผมมองว่า ทุกอย่างจะต้องเหมือนเดิม”
“เมื่อคุณพบสิ่งนั้นแล้ว คุณสามารถเริ่มเตะลูกฟุตบอล เพื่อควบคุมตำแหน่ง และพุ่งไปตามเป้าหมายที่คุณวางเอาไว้” เทรนต์ ออกมากล่าวทิ้งท้ายถึงเรื่องนี้ว่า เขาพยายามฝึกซ้อมการเล่นลูกนิ่งด้วยตัวเอง โดยเป็นการฝึกแบบพิเศษ หลังจากการซ้อมปกติจบลงแล้ว
เขาจะฝึกลูกนิ่งเพิ่มเติม ประมาณ 10 ครั้งต่อวัน เพื่อเป็นการจับจังหวะเท่านั้น จำนวนดังกล่าว ไม่เป็นการหักโหมจนเกินไป
เทรนต์ ออกมายอมรับว่า เขาไม่ใช่นักเตะที่สมบูรณ์แบบ เขามีจุดเด่นที่การผ่านบอล และการเล่นลูกนิ่งอย่างไรก็ตาม เขายังมีจุดอ่อนเช่นเดียวกัน นั่นคือการเล่นเกมรับ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่เขาโดนถล่มอย่างหนัก จากบรรดานักวิจารณ์ และแฟนบอล
เทรนต์ ไม่ลืมข้อเสียของตัวเอง เขาพยายาม และฝึกอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการลดช่องว่างของจุดอ่อน เทรนต์ บอกว่า เขาเน้นไปที่การฝึกซ้อมเกมรับ แบบการดวล 1 ต่อ 1 แน่นอนว่า การเล่นตำแหน่งแบ็คขวาอย่างเขา ย่อมต้องเจอสถานการณ์นี้
การฝึกซ้อมแบบ 1 ต่อ 1 จะได้ผลมากที่สุด ก็ต่อเมื่อฝึกซ้อมกับนักเตะเก่งๆ ซึ่งเทรนต์ มองว่า เขาสามารถใช้ประโยชน์ จากเพื่อนร่วมทีมได้ โดยกล่าวว่า “การฝึกซ้อมแบบดวล 1 ต่อ 1 หนึ่งต่อหนึ่ง คุณจำเป็นต้องค้นหาผู้เล่นในทีมของคุณ ที่เป็นตัวแทนของภัยคุกคามที่น่ากลัวที่สุด”
“จากนั้น คุณต้องขอให้พวกเขาวิ่งเข้าหาคุณ ผมเคยมี 3 ประสานแดนหน้าอย่างซาดิโอ มาเน่, โม ซาลาห์ และโรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ ผมต้องเผชิญหน้ากับพวกเขาในการฝึกซ้อม มันเป็นเรื่องยากที่จะรับมือ แต่มันเป็นข้อดี ในการส่งผ่านไปยังการแข่งขันจริง”
“เมื่อถึงสุดสัปดาห์ ผมจะจัดการกับสถานการณ์เหล่านั้น ผมรู้ว่าคู่แข่งไม่ได้เก่งเท่าเพื่อนร่วมทีมทั้ง 3 ถือเป็นการส่งเสริมด้านจิตวิทยาเช่นเดียวกัน”
อาจกล่าวได้ว่า เทรนต์ ไม่เคยเกรวกลัวที่จะยอมรับว่า ตัวเองมีจุดอ่อน และไม่เกรงกลัวเช่นกัน ที่จะทลายจุดอ่อนเหล่านั้น เขาตระหนักว่า จุดอ่อนของเขาคืออะไร และต้องฝึกซ้อมหนัก ด้วยการนำคนที่เก่งที่สุด เข้ามาอยู่ในกระบวนการนั้น
เทรนต์ ออกมายอมรับว่า การฝึกซ้อมอย่างหนักเพียงเรื่องเดียว ไม่เพียงพอ ที่จะประสบความสำเร็จ นอกจากการแข่งขันกับคู่แข่งแล้ว การแข่งขันภายในทีมที่แสนเข้มข้นนั้น ทำให้เขารู้ว่า ตัวเองจะผ่อนคันเร่งไม่ได้
เขาบอกว่า เขาจำเป็นต้องรักษาแรงจูงใจเอาไว้ เพราะนี่จะเป็นสิ่งที่ทำให้เขารักษาระดับของตัวเองได้ โดยเทรนต์ กล่าวว่า “ผมไม่ชอบการฝึกซ้อม ในช่วงของปรีซีซั่นมากเท่าไหร่นัก ผมชอบเล่นฟุตบอลมากกว่า ผมไม่ชอบวิ่ง โดยที่ไม่มีลูกฟุตบอลอยู่กับเท้า”
“อย่างไรก็ตาม ผมก็ได้เห็นการอุทิศตนของผู้เล่นชุดใหญ่อย่างเฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เจมส์ มิลเนอร์ และแอนดี้ โรเบิร์ตสัน ทำให้ผมรู้ว่า พวกเขากำลังรักษาระดับของความเข้มข้น และนั่นคือสิ่งที่ผมจำเป็นต้องทำตาม”
กระนั้น เทรนต์ ยอมรับว่า การรักษาแรงจูงใจเอาไว้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ยากเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินความพยายาม การอยากเอาชนะ และการอยากจะประสบความสำเร็จ ทำให้เขาหล่อเลี้ยงแรงผลักดัน ผ่านการฝึกซ้อมที่หนักหน่วงได้
โดยกล่าวว่า “การแข่งขันนำสิ่งที่ดีที่สุดมาให้ผม นั่นคือวิธีที่ผมต้องฝึกซ้อม ถ้ามันไม่สามารถแข่งขันได้ มันก็ยากที่จะรักษาแรงจูงใจของตัวเอง สำหรับผมแล้ว แรงจูงใจสำคัญที่สุด นั่นคือการแข่งขัน ผมไม่อยากแพ้ และอยากชนะทุกสิ่ง”
ขอบคุณเนื้อหาจาก Thsport.com