แม้จะเริ่มต้นได้เยี่ยม อาร์เซน่อล ขยับนำในเพียงจังหวะลุ้นสกอร์หนแรก น.14 บูกาโย่ ซาก้า ไหลต่อให้ กาเบรียล เชซุส โยกเข้าขวาแล้วสับเปรี้ยง-หาย
แต่ทำไปทำมา สกอร์ 2-0 ไม่มา ที่มาคือ 1-1 ดาบิด ราย่า สาดยาวโดนตัดและโดนสวน จบที่ อาเดรียง โธมัสสัน กดตีเสมอ น.25 จากนั้นครึ่งหลัง น.69 ล็องส์ โถมเกมสวนเร็ว เพอร์เซมีสลาฟ ฟรานคอฟสกี้ ปาดจากขวาให้ เอลเย่ วาฮี กดไม่จับเข้าไปเป็น 2-1
แรกสุดคือ อาร์เซน่อล เล่นไม่ค่อยดี ผิดฟอร์มจริง โดยเฉพาะแดนบนที่แม้จะครองบอลได้แต่ไม่คุกคาม และถัดมาคือ ล็องส์ ก็ดีเกินคาดเสียด้วย ทั้งรับแน่นและโต้กลับได้ดี แม้สร้างโอกาสจบตรงกรอบไม่มากแค่ 3 ครั้ง แต่ก็ได้มา 2 ประตู
ที่สำคัญ ยังเป็นวันที่ บริซ ซ็องบา นายประตูล็องส์ ฟอร์มเข้าที่เข้าทางไปอีก จังหวะยิงตรงกรอบ 6 ครั้งของ อาร์เซน่อล จึงมีมาแค่ประตูเดียว
บทสรุปเท่าการหลุดแพ้เป็นนัดแรกของซีซั่น และแพ้ทันทีในการออกไปเล่นเกมเยือน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หนแรกรอบ 7 ปี
อย่างไรก็ตาม การแพ้นัดนี้ ไม่ควรถือว่าเลวร้าย เสียหายหนักหนา หรือส่งผลกระทบอะไรมากมายนักต่อเส้นทางการโรมรัน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ของ มิเกล อาร์เตต้า และชาวคณะปืนใหญ่
นั่นเพราะ 1. เวลาเดียวกัน เซบีย่า ก็ได้แค่ออกไปเสมอ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น แบบที่อุตส่าห์ขยับนำ 2-1 น.87 แล้ว ก็ยังมาโดนทวงคืน 2-2 ทดเจ็บ 90+5
การที่ เซบีย่า ได้แค่เสมอ ทำให้เจ้าแห่งยูโรป้าลีกอย่างพวกเขาเพิ่งมีแค่ 2 คะแนนเท่านั้นจาก 2 นัด ถัดจากเกมแรกที่ก็เสมอ ล็องส์ 1-1
2. ด้วยผลเสมอ 2 เกมซ้อน ทำให้ชัดเจนว่า เซบีย่า ปีนี้ "ไม่ปึ้ก" ภายใต้การทำทีมของ โฆเซ่ หลุยส์ เมนดิลิบาร์ และขุนพลอย่าง ลูคัส โอคัมโปส, อีวาน ราคิติช, ซูโซ่, โดดี้ ลุคบาคิโอ, ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่ หรือ เซร์คิโอ รามอส
ชัยชนะจัดเป็นเรื่องหายากของ เซบีย่า 2023/24 และพวกเขาก็แพ้แล้วถึง 4 จาก 7 เกมแรกของ ลา ลีกา
และ 3. ประจวบเหมาะพอดีเลยกับ 2 นัดถัดไปใน แชมเปี้ยนส์ ลีก อาร์เซน่อล จะได้เล่นเกมเหย้าเยือนไปกลับกับ เซบีย่า โดยออกไปเยือนที่ ราม่อน ซานเชซ ปิซฆวน ก่อนในวันที่ 24 ต.ค. และกลับมาเปิด เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ฟาดฟันกันอีกหน 8 พ.ย.
อย่างที่ว่า เซบีย่า ปีนี้ไม่ดีทั้งศึกนอกศึกใน ดังนั้นโอกาสที่ อาร์เซน่อล จะเก็บได้สัก 4 แต้มเป็นอย่างน้อย หรือกระทั่งเต็มเหยียด 6 แต้มเน้นๆ จากคิวเหย้าเยือนนี้ ก็มีอยู่
และถ้าได้ตามนี้จริง โอกาสฉลุยเข้ารอบ–ไม่ว่าจะเป็นแชมป์หรือรองแชมป์กลุ่ม ก็คงเปิดกว้าง กับคิว 2 เกมสุดท้ายที่เหลือ ที่จะเปิดบ้านแก้มือกับ ล็องส์ และออกไปเยือน พีเอสวี ในนัดปิดกลุ่ม
เพราะฉะนั้น การแพ้ที่ฝรั่งเศสเมื่อกลางสัปดาห์ จึงไม่ใช่เรื่องน่าเป็นกังวลในระยะยาว โอกาสเข้ารอบ ชปล. ของ อาร์เซน่อล ยังไม่ถือว่าสั่นคลอน
ที่น่ากังวลและน่าปาดเหงื่อมากกว่า คือสุดสัปดาห์นี้ วันอาทิตย์ 8 ต.ค. นี้ต่างหาก
แกรี่ เนวิลล์ เพิ่งให้สัมภาษณ์ไม่นานนี้ โดยยกหาง อาร์เซน่อล ว่าจะเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ได้ แก้มือจากปีก่อนที่ยึดแท่นจ่าฝูงอยู่นาน สุดท้ายกลับโดน แมนฯ ซิตี้ จ้วงแซงอย่างอุกอาจ
เพียงแต่เงื่อนไขที่ อาร์เซน่อล จะเป็นแชมป์ ในสายตาของอดีตกัปตันทีม แมนฯ ยูไนเต็ด นั่นก็คือ…
อาร์เซน่อล ต้องไม่ขาด "คีย์แมน" ไปในเกมสำคัญหรือช่วงสำคัญๆ เด็ดขาด
"หากว่า อาร์เซน่อล ไม่เสียคีย์แมนของตัวเองไปกลางทางอีก พวกเขาจะมีโอกาสดีมากๆ ความมั่นใจของพวกเขาอยู่ในระดับของทีมลุ้นแชมป์"
ซีซั่นก่อน หนึ่งในเหตุผลหลักของการวืดแชมป์ ชัดเจนว่าอยู่ที่การเสีย วิลเลี่ยม ซาลิบา เซนเตอร์แบ็กฝรั่งเศส คีย์แมนเกมรับ เจ็บหนักพักยาวตลอด 3 เดือนสุดท้าย
มาซีซั่นนี้ ไม่ต้องนับรวม ยูร์เรียน ทิมเบอร์ ที่ย้ายมาปุ๊บก็เจ็บปั๊บ ก็ได้
ประเด็นสำคัญของนาทีนี้ คือ บูกาโย่ ซาก้า
ต่อเนื่องจากซีซั่นก่อนที่กดรวม 15 ประตู และกวาดรางวัลส่วนตัวมาครองได้เพียบ (ดาวรุ่งแห่งปี พีเอฟเอ, ติดทีมแห่งปี พรีเมียร์ลีก, แข้งยอดเยี่ยมแห่งปี ทีมชาติอังกฤษ) ตัวริมเส้นวัย 22 ก็กดไปแล้ว 5 ประตูกับอีก 5 แอสซิสต์จาก 10 เกมของซีซั่นนี้
แต่จากแพ้กับ ล็องส์ เมื่อวันอังคาร ภายหลังทำเพิ่มอีก 1 แอสซิสต์แล้วก็เจ็บแฮมสตริง ต้องออกจากสนามในเพียงนาทีที่ 34
แม้ยังพอมีกระแสข่าวว่า ซาก้า อาจคืนสนามได้อย่างเซอร์ไพรส์ในเกมเปิดบ้านรับมือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ วันอาทิตย์นี้ แต่ก็ยังไม่แน่ไม่นอน และ อาร์เตต้า เองก็อาจเลือกทาง "ไม่เสี่ยง" เพื่อไม่ให้ปีกคนสำคัญของเขาเจ็บหนักเพิ่มเติมไปกว่าเดิม ก็ได้
ซึ่งถ้า ซาก้า ไม่พร้อมแล้ว สิ่งที่ อาร์เตต้า และบรรดากูนเนอร์สจะพอคาดหวังได้ คือหวังให้การขาด ซาก้า จะไม่ "กระทบหนัก" เหมือนซีซั่นก่อนที่เสีย ซาลิบา ไปช่วงท้าย
ในคิวบุกเตะที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ในแมตช์เดย์ที่ 33 ท้ายซีซั่นก่อนซึ่งไม่มี ซาลิบา และต้องใช้คู่เซนเตอร์แบ็กเป็น ร็อบ โฮลดิ้ง กับ กาเบรียล มากัลเญส นั้น อาร์เซน่อล ออกไปโดน แมนฯ ซิตี้ กระทุ้งตาข่ายขึ้นนำตั้งแต่ 7 นาทีแรก (เควิน เดอ บรอยน์) ก่อนแพ้สบาย 1-4
สำหรับวันอาทิตย์นี้ ซาก้า อาจไม่พร้อม และ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ กับ โธมัส ปาร์เตย์ ก็ต้องเช็กฟิต
ยิ่งไปกว่านั้น ยังชัดเจนว่า แมนฯ ซิตี้ "ข่มขาด" อาร์เซน่อล เสมอมา โดยเฉพาะการพบกันใน พรีเมียร์ลีก
หนึ่งคือสภาพทีมไม่สมบูรณ์ และสอง–ที่สำคัญมาก ก็คือ อาร์เซน่อล โดน แมนฯ ซิตี้ ผูกปีซิวแต้มมานานปี จะมีก็แค่บอลถ้วย เช่น เอฟเอ คัพ หรือ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ เท่านั้นที่ อาร์เซน่อล จมเรือลงได้
โดยถ้านับเฉพาะพรีเมียร์ลีก เรือใบตบปืนแตกแบบทั้งไปทั้งกลับมา 6 ปีซ้อนเข้าไปแล้ว ไม่ว่าจะตอนที่มี อาร์แซน เวนเกอร์ คุมปีสุดท้าย หรือเปลี่ยนเป็น อูไน เอเมรี่ และมาเป็น มิเกล อาร์เตต้า และไม่ว่าจะจัดกันที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม หรือขึ้นเหนือไปยัง เอติฮัด สเตเดี้ยม ก็ตาม
รวมระยะ 6 ซีซั่น 12 นัด และ 36 คะแนนเต็ม ตกเป็นของ แมนฯ ซิตี้ ทั้งหมด
นั่นคือ ในสถานการณ์ที่เพิ่งแพ้มา, มีตัวเจ็บสำคัญ และสถิติการพบกันเป็นรองแบบสุดกู่
มิเกล อาร์เตต้า และชาวคณะปืนโต จะเอาตัวรอดอย่างไรในซูเปอร์บิ๊กแมตช์วันอาทิตย์นี้
นี่แหละ สิ่งที่ต้องลุ้นกันใจเต้นระทึก เสียวสันหลังหนักมาก มากกว่าเส้นทางข้างหน้าของ ชปล. หลายเท่า!
ขอบคุณเนื้อหาจาก 90min.com
https://www.90min.com/th/posts/opinion-scariest-match-for-arsenal-is-this-weekend-vs-manchester-city