ไทยลีก 2023/24 น่าจะเป็นปีที่ได้ลุ้นแชมป์กันอย่างสนุกแน่นอน เพราะยังไม่เห็นชัดว่าใครจะกลายเป็น "แชมป์เลกแรก" เหมือนกับ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด โกยแต้มจนเข้าวินเถลิงบัลลังก์ 2 สมัยติดต่อกัน

ด้วยเหตุที่การยกระดับของ การท่าเรือ เอฟซี หลังจากที่มี “โค้ชอั๋น”สุรพงษ์ คงเทพ ปรับแท็กติกใส่ลงไปให้เคี่ยวมากขึ้น จนกระทั่งมีการดึง “โค้ชอ้น” รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค เข้ามารับไม้ต่อ “สิงห์เจ้าท่า” เป็นทีมที่มีเกมรุกเป็นเครื่องหมายการค้า แถมยังสามารถใช้แนวรุกอย่าง แฮมิลตัน โซอาเรส, บาร์รอส ทาร์เดลี, ปกรณ์ เปรมภักดิ์, บดินทร์ ผาลา, ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ได้ทรงประสิทธิภาพ

หรือการกลับมาเล่นในเมืองไทยของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 70 ล้านบาท จาก คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ และการมีตัวใหม่ๆอย่าง เฟรดดี้ อัลวาเรซ ตัวรุกทีมชาติคอสตาริกา มาสร้างสรรค์เกม พร้อมกับได้ดาวยิงทีมชาติอุซเบกิสถานอย่าง อิกอร์ เซอร์เกเยฟ เข้ามาเพิ่มความคมให้กับทีม

ทำให้การต่อกรกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในยุคใหม่ที่มี อาเธอร์ ปาปาส คุมทีมข้างสนาม มีความสนุกมากขึ้น เพราะ “ปราสาทสายฟ้า” อาจจะต้องใช้เวลาในการจูนเครื่องใหม่ เนื่องจากทีมได้เปลี่ยนโฉมจากสไตล์ มาซาทาดะ อิชิอิ ที่เสก 2 ปี 6 แชมป์ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


อย่างไรก็ตามทีมที่มาแบบเงียบๆ แต่ฟาดเรียบ 13 แต้มตลอด 6 เกมที่ผ่านมา นั่นคือ อุทัยธานี เอฟซี ที่เริ่มต้น 3 เกมแรก ด้วยการไร้คะแนน แต่ตอนนี้พวกเขาขึ้นมาอยู่ในอันดับ 7 ของตารางแล้ว

สไตล์ของ “ช้างป่าห้วยขาแข้ง” ยังหาตัวเองไม่เจอในช่วงเริ่มต้น เพราะการมาจากลีกรอง ที่ใช้พละกำลังมากกว่าแท็คติคนั้น ทำให้พวกเขาต้องปรับกันอยู่นาน จนมีการปรับบทบาทของ “โค้ชโด”ภัทรพล นาประเสริฐ กลับไปอยู่กับทีมอคาเดมีของสโมสร

พวกเขาเริ่มต้นด้วยการเปิดบ้านแพ้ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด 1-4 ก่อนออกไปโดน ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด 0-3 ทำให้ทีมตัดสินใจตั้ง “โค้ชโบ้”จักรพันธ์ ปั่นปี ขึ้นมาในเกมเปิดบ้านพบกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด แต่ก็ยังไม่ฟื้นจากอาการเมาหมัด และแพ้ไปอีก 0-2


จบเกมดังกล่าว “โค้ชโบ้” ถูกโยกกลับไปเป็นประธานเทคนิค เพื่อดูองค์รวมของระบบอคาเดมีของสโมสรอีกครั้ง ก่อนที่จะตั้ง มิคาเอล สตาเรห์ โค้ชชาวสวีเดนเข้ามาเป็นแม่ทัพคนใหม่ ซึ่งล่าสุดผ่านการคุมทีม เอไอเค โซลน่า และ ไอเอฟเค โกเตบอร์ก ทีมดังในลีกบ้านเกิด และพาทีมคว้าแชมป์ทุกรายการในสวีเดนมาหมดแล้ว รวมถึงประสบการณ์ในการคุมทัพสโมสรยักษ์ใหญ่ต่างประเทศอย่าง พานิโอนิออส (กรีซ), ต้าเหลียน อี้ฟาน (จีน) และ ซาน โฮเซ่ เอิร์ธเควกส์ (สหรัฐอเมริกา) มาแล้ว

เขายังเคยได้ร่วมงานกับ 3 ดาวเตะทีมชาติสวีเดน อย่าง เซบาสเตียน อิริคสัน, กุสตาฟ สเวนสัน, มาร์คุส เบิร์ค ฯลฯ มาแล้ว ไม่เพียงเท่านั้นเขามาพร้อมกับ อเล็กซานเดอร์ เดอ ครุก ผู้ช่วยโค้ชชาวเนเธอร์แลนด์ เข้ามาเป็นมือขวาในด้านแท็คติค  


ทว่าการเปลี่ยนโค้ชในเกมแรกยังไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งของพลพรรค “ช้างป่าห้วยขาแข้ง” กลับมาได้ เนื่องจากออกไปโดนทีเด็ด นครปฐม ยูไนเต็ด 10 คน รวมพลังแซงเข้าวินไปสุดมันส์ 2-1 แต่การปรับทีมยังดำเนินต่อไป จนนัดต่อมากลายเป็นการปลดล็อกของทีมได้เสียที

ยอดทีมจากเขาสะแกกรัง สามารถเปิดบ้านทุบ ราชบุรี เอฟซี ไปอย่างสนุก 1-0 รวมทั้งออกไปชนะ ชลบุรี เอฟซี 2-0 และโดน การท่าเรือ เอฟซี บุกมาชนะ 5-1 ยังดีที่หลังจบนัดนั้นเป็นช่วง ฟีฟ่า เดย์ ซึ่งทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ไปทัวร์ยุโรปที่ จอร์เจีย กับ เอสโตเนีย  

อาจจะมีแค่ เจมส์ เบเรสฟอร์ด เท่านั้น ที่เดินทางไปกับทัพ “ช้างศึก” แต่คนที่เหลืออยู่ก็มาทำความเข้าใจในแท็คติคอย่างลึกซึ้งกว่าเดิม จนการกลับมาเล่นในบ้านหลังฟีฟ่า เดย์ ด้วยการออกไปเยือนถิ่น สามอ่าว สเตเดี้ยม ของ พีที ประจวบ เอฟซี เมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา 


ชัยชนะ 2-1 ในวันนั้น ทำให้สร้างความมั่นใจให้กับทีมได้ดีจริงๆ จนต่อยอดในการเฝ้าฐานบัญชาการ ถล่ม เมืองทอง ยูไนเต็ด ไปแบบสุดมันส์ 4-2 เป็นการตอกย้ำอีกครั้งในการทุบ “กิเลนผยอง” หลังเคยเขี่ยตกรอบ 32 ทีมสุดท้าย รีโว่ คัพ 2021/22 มาแล้ว

ล่าสุดกับผลงานที่ออกไปเสมอ ขอนแก่น ยูไนเต็ด แบบสุดสนุก 2-2 ทำให้ช่วงหลังๆ หากดูวิธีการเล่นของ อุทัยธานี เอฟซี ถือว่าพวกเขามีรูปแบบการเล่นที่ชัดเจน ไม่ได้เปิดหน้าแลกให้โดนล่อเป้าเอาคืน แต่ใช้วิธีอดทนในการสร้างเกมรับ แล้วเปิดฉากบุกเพื่อเอาประตู เรียกว่าเป็นสไตล์ของลีกสวีเดน ที่มักใช้การเดิมเกมทางริมเส้นเป็นส่วนสำคัญ


นั่นคือสิ่งที่เฮดโค้ชชาวสวีดิช ได้เข้ามาทำการปรับวิธีการเล่นของ “ช้างป่าห้วยขาแข้ง” ให้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม จนเก็บไปแล้ว 13 คะแนนเต็มๆ แถม “ริคาร์โด้ ซานโตส” ยังกดไป 6 ประตูจาก 6 เกมหลังสุดอีกด้วย และตัวของ สตาเรห์ เองก็เพิ่งคว้าตำแหน่งกุนซือยอดเยี่ยมประจำเดือนตุลาคม ของศึกไทยลีก ไปครองด้วย 

เชื่อมั่นว่าทางสโมสรจะต้องทำการเสริมทัพผู้เล่นเข้ามาแน่นอนในการเตรียมทีมสู่เลกสอง อุทัยธานี เอฟซี จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นอีกแน่นอน

สุดท้ายแล้วเขาจะพาทีมไปจบอันดับใดในซีซั่นนี้ นั่นคือสิ่งที่ยังต้องติดตามกันต่อไป


ขอบคุณเนื้อหาจาก Thsport.com