บทความแปลจาก manutd.com ที่เรียบเรียงคำยกย่องที่มีต่อความทรงจำ และ "มรดก" ที่ปีเตอร์ ชไมเคิล มอบเอาไว้ให้กับโลกฟุตบอลจนถึงบัดนี้ ผ่านปากคำบอกเล่าของผู้รักษาประตูในทีมปัจจุบันอย่าง ทอม ฮีตัน ที่มาเล่าเรื่องราวในครั้งนี้ถึงยักษ์เดนส์ รวมถึงไม้ตายก้นหีบ "ท่าเซฟรูปดาว" ของเขาด้วย!!
เนื่องในโอกาสที่ ปีเตอร์ ชไมเคิล อายุครบ 60 ปี ได้มีการสัมภาษณ์พูดคุยกับผู้รักษาประตูชุดปัจจุบันอย่าง ทอม ฮีตัน ที่ได้เล่าถึงเรื่องราวและอิทธิพลของผู้รักษาประตูจากสแกนดิเนเวียรายนี้ที่มีต่อฟุตบอลอังกฤษ นับตั้งแต่เขาย้ายมาจากสโมสรบรอนด์บี้เมื่อปี 1991
ในยามที่มี เอริค คันโตน่า ผู้ซึ่งคว้าแชมป์ในฐานะตัวเร่งที่เข้ามาทำให้ทีมของอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก้าวขึ้นมาอีกระดับหนึ่งแล้วนั้น การเซ็นสัญญากับชไมเคิลมาสู่ทีมก็เป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญไม่แพ้กันที่ทำให้ปีศาจแดงประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนต่อมาอีกหลายปี
แน่นอนว่าไม่มีใครสงสัย ชายคนนี้คือหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลก ณ ขณะนั้น และจบเส้นทางกับยูไนเต็ดอย่างสวยงามด้วยการสวมปลอกแขนนำทีมคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อปี 1999 ในเกมกับบาเยิร์นมิวนิค และคว้าทริปเปิลแชมป์ได้สำเร็จ
ในโอกาสที่ครบรอบวันคล้ายวันเกิดของเขาจึงเป็นโอกาสดีที่จะได้พูดคุยถึงสิ่งที่ชไมเคิลสร้างศิลปะแห่งการเป็นผู้รักษาประตูให้เกิดขึ้นมา
ด้วยรูปลักษณ์อันโดดเด่น, การคุมเกมรับที่จะตวาดสั่งกองหลังให้หวาดผวา, และการเล่นฟุตบอลด้วยความดุดัน อีกทั้งการโผเข้าไปหาเหล่ากองหน้าผู้โชคร้าย ขยายร่างกายตัวเองให้ใหญ่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาคืออุปสรรคด่านสุดท้ายอันน่ากลัวที่คู่แข่งจำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เท่านั้น
แน่นอนว่าปีเตอร์ ชไมเคิล แม้จะตัวใหญ่แต่ก็คล่องแคล่ว และความสามารถในการเซฟอันยอดเยี่ยม แต่ก็ยังมีอะไรอีกมากมายในผลงานที่ผ่านมาของเขา เช่นการขว้างยาวขึ้นไปให้นักเตะอย่าง ไรอัน กิ๊กส์ หรือ อังเดร แคนเชลสกี้ ในแดนหน้า ก็ทำให้ทีมสามารถเล่นโต้กลับได้ผลมาแล้วนักต่อนัก
ชไมเคิลนั้นเป็นอะไรที่แตกต่างอย่างมาก นับตั้งแต่เขาได้ลงเดบิวต์ในเกมเจอน็อตส์ เคาน์ตี้ เขาก็แสดงความสำคัญให้เห็นว่าตำแหน่งของเขานั้นสำคัญมากขนาดไหนในการเป็นรากฐานสู่การคว้าแชมป์ของทีม
ทอม ฮีตัน คือคนหนึ่งที่สามารถจะพูดถึงเรื่องนี้ได้อย่างดี เขาเคยเล่นในสโมสรเดียวกันของปีเตอร์มาแล้วทั้งสองแห่ง ไม่ว่าจะเป็นกับยูไนเต็ดหรือแอสตันวิลล่า และกล่าวถึง “มรดก” สำคัญที่นักรบร่างยักษ์รายนี้ได้ทิ้งเอาไว้
“ผมคิดว่าเขาเป็นอะไรที่น่ามหัศจรรย์มากๆ ขึ้นเลข 60 เป็นก้าวสำคัญสำหรับเขา ส่วนผมนั้นก็แปลกใจอยู่บ้างเล็กน้อยเพราะผมโตขึ้นมาด้วยการดูเขาลงเล่นมาตลอด ผมชอบดูเขามากๆ ออร่าในยามยืนเฝ้าเสานั้นสุดยอดมาก”
“ผมคิดว่าอย่างหนึ่งเลยคือ เขาเป็นคนสำคัญมากในแผงหลัง และอยู่ในระดับที่สามารถจะส่งผลต่อทีมทั้งทีมได้เลย ลองดูท่าเซฟของเขาที่กางมือกางขาออกมาเหมือนดาวกระจายสิ บางทีอาจจะเป็นเพราะว่ามีแบ็คกราวน์มาจากการเล่นแฮนด์บอลด้วยที่ทำให้มันออกมาเป็นแบบนั้น”
like father, like son สำเนาถูกต้อง ปีเตอร์&แคสเปอร์
“หลังจากนั้นมันก็มีการพัฒนาขึ้นมา คุณจะเห็นว่าโกลในยุคนี้ก็จะกางแขนขาออกมากว้างๆ โดยเฉพาะในจังหวะดวล 1-1 เพราะงั้นเขาอาจจะมองได้เลยว่าเขาทิ้งมรดกตรงนี้เอาไว้ ผมเองคิดว่าเขาเป็นผู้เล่นระดับท็อป เขาประสบความสำเร็จกับหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เพราะงั้น แน่นอนว่ามันเป็นมรดกอันยิ่งใหญ่สำหรับเขา
การออกมาเซฟด้วยวิธีกางตัวบล็อคมุมยิงของเขาเป็นสิ่งที่ใช้งานได้ผลดีมากๆโดยน้ำมือของเฟอร์กูสัน จนกระทั่งกลายมาเป็นกุญแจส่วนสำคัญในแทคติกของเราช่วงยุค 90s ขณะที่การตะโกนโต้เถียงของเขาที่มีต่อกองหลังเซ็นเตอร์แบ็คอย่าง สตีฟ บรูซ และ แกรี่ พัลลิสเตอร์ ก็ทำให้แนวรับของทีมตื่นตัวอยู่ตลอด
“ผมคิดว่าเขามีอิทธิพลกับทีมมากๆทั้งภาคเกมรุกและเกมรับ รวมถึงเวลาที่เขาได้รับจากคนอื่นด้วย พวกเราเคยเห็นเขาตะโกนใส่แผงแบ็คโฟร์มาแล้ว กระตุ้นกองหลัง แล้วดูออร่า ดูตัวตนที่เขามี มันเป็นอะไรที่สำคัญมากๆสำหรับสโมสรจริงๆ”
“ผมคิดว่ามันคือการปฏิวัติการเล่นเลยในตอนนั้น”
“ผมว่าทุกๆคนตอบสนองกับเรื่องนี้ กับสิ่งที่เขาทำ รวมถึงประสิทธิภาพที่ตามมาด้วย ทุกอย่างมันก่อให้เกิดความเคารพขึ้น ทำให้เกิดความเชื่อใจกันมากขึ้น รวมถึงความสม่ำเสมอที่แสดงให้เห็นตลอดเวลาที่เขาอยู่ที่สโมสรแห่งนี้”
ลูกเซฟบางลูกของเขายังติดตาฮีตันอยู่, การเกลียดความพ่ายแพ้, การทำให้กองหน้าคู่แข่งและแฟนบอลที่ชมอยู่ต้องตกตะลึง
“ผมคิดว่าลูกโหม่งของซาโมราโน่กับอินเตอร์ แล้วก็อีกลูกคือเซฟตอนเจอกับราปิดเวียนนา การเล่นท่าเซฟผาดโผนของเขาบางท่านั้นแหวกแนวจากสิ่งที่เราเคยพบเจอมา แต่ก็เซฟได้อย่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ เรื่องพวกนี้กลายเป็นเรื่องธรรมดาเลย”
“ผมจำได้ว่า ไรอัน กิ๊กส์ บอกผมอยู่ครั้งนึงว่า บางวันอาจจะในการซ้อมยิงคุณอาจจะเห็นสภาพตัวเขาแล้วฮาจริงๆเลยนะ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นคือวันนั้นทำยังไง ยิงยังไงก็ไม่สามารถผ่านปีเตอร์ได้เลยจริงๆ เขาจะพุ่งไปเซฟทั้งๆที่หัวเราะนั่นแหละ เพราะเขาจะจ้องรอจะเซฟคุณได้อยู่แล้ว ดังนั้นนี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงระดับการเล่นของเขาที่มีอยู่ในตัว และก็อย่างที่บอกว่า ประสิทธิภาพการเล่นในยุคนั้นของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก”
นอกจากนี้ฮีตันยังยกย่องถึงอิทธิพลและความสำคัญของชไมเคิลที่มีต่อทีมชาติเดนมาร์กด้วย ในยามที่คว้าแชมป์ยูโร92 ซึ่งทำให้เขาได้มีโอกาสแสดงความสามารถในเวทีแห่งนั้นด้วย
“ผมคิดว่ามันเป็นช่วงเวลาอันน่าทึ่งสำหรับพวกเขาและกับทีมชาติ ผมจำได้ว่าเสื้อโกลพวกเขามีลายจุดสีๆเต็มเสื้อไปหมด อันนี้คือจำติดตามากๆ และแน่นอนว่าผมไม่แปลกใจเลยว่าเขาจะมีเป็นส่วนสำคัญมากๆของทีมชาติชุดนั้น”
“เขายังคงมีสายสัมพันธ์กับสโมสรแห่งนี้อย่างดี ยังคงห่วงและใส่ใจอย่างลึกซึ้งอยู่ สำหรับผมการได้เติบโตมาด้วยการดูเขา เห็นเขาลงเล่น พยายามจะทำอะไรหลายๆอย่างให้ได้แบบเขาซึ่งมันก็มีอิทธิพลกับการเล่นของผมด้วยไม่มากก็น้อย เขาได้มอบมรดกอันยิ่งใหญ่ให้กับโลกฟุตบอล และแน่นอนว่ารวมถึงการเป็นฮีโร่ของผมด้วย เขาคือคนหนึ่งที่เราจะยกย่องอยู่เสมอ และมีความสุขทุกครั้งที่ได้ดูเขาเล่น”
ชไมเคิลกลับมาอังกฤษอีกครั้งหลังย้ายออกจากยูไนเต็ดไปอยู่สปอร์ติ้งลิสบ้อนในปี 1999 และหลังจากนั้นเขาก็กลับมาค้าแข้งอยู่กับวิลล่าเช่นเดียวกับฮีตัน นายทวารชาวเดนมาร์กถูกพูดถึงกับสโมสรแห่งนี้อย่างดี และยังคงถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดที่เคยเล่นในพรีเมียร์ลีก
“เป็นเช่นนั้นจริงๆ” ฮีตันกล่าว
“ผมคิดว่าทุกๆคนรู้ถึงคุณภาพของเขาอยู่แล้ว ทุกๆคนรู้ว่าเขาเป็นยังไง เขาคือนักบอลระดับท็อปคลาสไม่ว่าจะย้ายไปอยู่ที่ไหน แต่สำหรับผมสายสัมพันธ์ที่แท้จริงก็ยังเป็นที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เพราะผมดูเขามาตั้งแต่สมัยเด็กที่เล่นเป็นโกล และผมก็ได้ทำความรู้จักกับเขาเล็กน้อยเมื่อโตขึ้นมา”
“เขาคือหนึ่งในคนแรกๆเลยที่ติดต่อไปหาผมตอนที่ผมไปเล่นให้กับเบิร์นลีย์ โดยเฉพาะตอนเล่นในโอลด์แทรฟฟอร์ดก็เซฟลูกยิงของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิชได้ ตอนนั้นมันเป็นสไตล์ของเขาเป๊ะๆเลยที่เหมือนทำท่าเล่นแฮนด์บอลกางมือเป็นรูปดาวแบบนั้น เขาเป็นหนึ่งในคนแรกๆเลยที่ติดต่อพูดคุยกับผม”
“และสำหรับผมแล้ว เมื่อหนึ่งในฮีโร่ของคุณทักทายมา มันเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ ดังนั้นผมจึงเคารพและยกย่องเขามากๆ และแน่นอนว่า มรดกที่เขาสร้างไว้มันเป็นคำตอบในตัวมันเองอยู่แล้ว”
ทอม ฮีตัน ทิ้งท้ายถึงฮีโร่ของเขารายนี้ไว้ และทั้งหมดนี้คงเป็นเรื่องราวที่บ่งบอกได้ดีว่า ผู้รักษาประตูด้วยกันที่เติบโตขึ้นมาทันยุคที่ชไมเคิลผู้พ่อลงสนามนั้น ยักษ์เดนส์ยิ่งใหญ่และเป็นที่จดจำเพียงใด มรดกอันล้ำค่านี้ไม่เพียงแค่เป็นตำนานของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
แต่ปีเตอร์ ชไมเคิลคือผู้รักษาประตูซึ่งเป็นอีกหนึ่งตำนานของโลกฟุตบอลเช่นกัน
#BELIEVE
-ศาลาผี-
Reference
ขอบคุณเนื้อหาจาก Thsport.com