ว่ากันว่าลีกรองของบ้านเรา คือเวทีฟูมฟักประสบการณ์และโชว์ฝีไม้ลายมือของโค้ชคนไทย โดยเฉพาะกุนซือสายเลือดใหม่ที่จะมีโอกาสได้พิสูจน์คุณค่าของตัวเอง พร้อมทั้งต่อยอดใบประกอบอาชีพจาก ซี ไลเซนส์ ไปสู่ โปร ไลเซนส์ และก้าวขึ้นสื่อเวทีไทยลีกต่อไป เช่นเดียวกับในซีซั่นนี้ที่เรารวบรวมมาได้ 8 คน ในการก้าวมาเป็นกุนซือ หลังจากเคยผ่านการค้าแข้งในฐานะผู้เล่นกันมาหมดแล้ว แต่ในเรื่องของการคุมทีมนั้น ต้องบอกว่าพวกเขามีเป้าหมายของทีมที่แตกต่างกันไปอย่างชัดเจน จะมีใครกันบ้างนั้นไปหาคำตอบพร้อมกันเลย
สุกฤษฎิ์ โยธี (หนองบัว พิชญ เอฟซี)
อดีตนักเตะของ ศรีราชา เอฟซี แต่ไปโด่งดังในภาคอีสาน เนื่องจากเขาเกิดใน จ.ศรีสะเกษ มาถึงวันนี้ “โค้ชต้น” กำลังพา หนองบัว พิชญ เอฟซี เดินหน้าเกาะกลุ่มหัวตารางอย่างแข็งแกร่ง และมีโอกาสคว้าตั๋วเลื่อนชั้นแบบอัตโนมัติ ทั้งในรูปแบบการเป็นแชมป์หรือคว้าอันดับ 2
ซึ่งเวลานี้ภารกิจสำคัญคือการที่เผชิญกับความกดดันยิ่งกว่าตอนทำ ลำปาง เอฟซี เลื่อนชั้นในปี 2021/22 เสียอีก เนื่องจากด้วยขุมกำลังที่มีอยู่ พร้อมกับการเสริมทัพในช่วงเลกสอง ทำให้การลงสนามในแต่ละเกม ย่อมต้องมีความผิดพลาดให้น้อยที่สุด เพื่อภารกิจในการกลับไปเล่นลีกสูงสุดของทีม
ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น (นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี)
ตั้งแต่ก่อนเปิดฤดูกาล “โค้ชโจ” กุนซือของ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ประกาศเอาไว้อย่างชัดเจนว่า จะขอทำให้ทีมกลับไปเล่นในไทยลีก 1 ให้ได้ในฤดูกาลหน้า และเขาเองก็กำลังอยู่ในเส้นทางดังกล่าว ทั้ง เลื่อนชั้นแบบอัตโนมัติหรือการเพลย์ออฟ
แม้ในช่วงการเดินทางที่ผ่านมา เทรนเนอร์ เอ ไลเซนส์ รายนี้ ตกเป็นเป้าหมายของหลายสโมสร ที่อยากจะได้ตัวเขาเข้าไปกุมบังเหียน แต่เขาเลือกที่จะปฏิเสธเพื่อมีสมาธิ และโฟกัสอยู่กับยอดทีมจากเมืองย่าโม ตามที่ “โค้ชโจ” ได้ตั้งปณิธานเอาไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม
พิภพ อ่อนโม้ (ระยอง เอฟซี)
หลังจบเลกแรก ระยอง เอฟซี คว้าอันดับ 8 มาครองได้อย่างแข็งแกร่ง ทว่าพวกเขาเองก็ต้องเสีย “น้าเทิด”เทิดศักดิ์ ใจมั่น ที่ขอลาออกจากการกุมบังเหียน เพื่อไปหาความท้าทายใหม่ นั่นคือ การไปนั่งผู้อำนวยการเทคนิคทีมนากา เวิลด์ เอฟซี ทีมชั้นนำในกัมพูชา พรีเมียร์ลีก
หลังจากนั้น “ม้านิลมังกร” ก็รีบแต่งตั้ง “โค้ชกบ” พิภพ อ่อนโม้ อดีตกองหน้า ชลบุรี เอฟซี และทีมชาติไทย มาคุมทีมทันที นับว่าเป็นเส้นทางโค้ชที่เดิมพันสูงเหมือนกัน เพราะทีมกำลังอยู่ในการลุ้นเล่นเพลย์ออฟ ชิงตั๋วเลื่อนชั้นกลับมาสู่ไทยลีก 1 ฤดูกาลหน้าให้ได้
ธีระเวคิน สีหะวงศ์ (พัทยา ยูไนเต็ด)
การจากลาของ “โค้ชลิง” วิมล จันทร์คำ เป็นเครื่องหมายคำถามว่าใครจะเข้ามาคุมทีม พัทยา ยูไนเต็ด แต่แล้วไม่นานพวกเขาก็จัดการตั้ง “โค้ชกล่ำ” ธีระเวคิน สีหะวงศ์ อดีตนักเตะของ “โลมาอหังการ” เข้ามาเป็นเทรนเนอร์คนใหม่ จนผลงานทีมดีขึ้นอย่างชัดเจน
ด้วยการมีดีกรี โปร ไลเซนส์ ความรู้ทฤษฎีเชิงโค้ชที่เก็บเกี่ยวมาตลอด และยังเป็นคนหนุ่มไฟแรง อีกทั้งในอดีตเขาเคยเป็นนักเตะของ พัทยา ยูไนเต็ด ทำให้รู้จัก “ดีเอ็นเอ” ความเป็นทีมนี้อยู่แล้ว จนตอนนี้ทีมกำลังอยู่ในกลางตาราง มีลุ้นในการคั่วอันดับเพลย์ออฟเรียบร้อยแล้ว
สระราวุฒิ ตรีพันธ์ (สุพรรณบุรี เอฟซี)
อดีตฮีโร่ผู้ยิงประตูชัยให้ทีมชาติไทยดับมาเลเซียคว้าเหรียญทองซีเกมส์ ต่อหน้ากองเชียร์เสือเหลืองเรือนแสนในสนามชาห์ อลัม เมื่อปี 2001 เมื่อถึงวันเวลาผันเปลี่ยนเขาก้าวมาเป็นโค้ชในอคาเดมี เมืองทอง ยูไนเต็ด และนั่นคือจุดเริ่มต้นการเดินทางสู่สายอาชีพนี้
“โค้ชอู๊ด” มีโอกาสได้ร่วมงานกับหลายทีม แถมยังเคยช่วย การท่าเรือ เอฟซี คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ 2019 มาแล้ว จนกระทั่งในซีซั่นนี้ได้มาอยู่กับ สุพรรณบุรี เอฟซี แทนที่ สถาพร วาจาขำ แม้ทีมจะงบไม่เยอะแต่การปั้นเด็กของเขาบอกได้เลยว่า ได้เห็นตัวทีเด็ดผลิดอกออกมาแน่นอน
ธงชัย รุ่งเรืองเลิศ (แพร่ ยูไนเต็ด)
เป้าหมายของ แพร่ ยูไนเต็ด ในซีซั่นนี้ อาจจะเปลี่ยนไปจาก 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งพวกเขาคว้าสิทธิ์ในการเพลย์ออฟได้ เพราะผลงานในเลกแรกทำแต้มหล่นหายไปเยอะ แต่ในการเสริมทัพช่วงตลาดซื้อขายหน้าหนาว กลับทำได้ดีส่วนหนึ่งต้องยกเครดิตให้ผู้บริหารและกุนซือใหญ่คนปัจจุบัน
ชื่อของ “โค้ชดาท” คือคนที่อยู่กับทีมมานาน และมีโมเมนตัมที่ดีในการเปิดหัวเลกสองจากการเสริมทัพแข้งมากประสบการณ์เข้ามา จนทำให้รักษาสถิติยังไม่แพ้ใคร หากรักษาตัวรอดได้ในลีกพระรองต่อไปได้ เชื่อว่าปีหน้าจะแกร่งกว่าเดิมแน่นอน
ศุภชัย คมศิลป์ (จันทบุรี เอฟซี)
ถือเป็นการเข้ามาแบบเซอร์ไพรส์ไม่น้อย สำหรับ จันทบุรี เอฟซี ที่ได้ “โค้ชบอย” มาทำทีมในช่วงปลายเลกแรก จากทีมที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เพราะผลงานที่ไม่เสถียรเอาเสียเลย ทั้งการเล่นในบ้านตัวเอง หรือออกไปเป็นทีมเยือนช่วงที่ผ่านมา
ทว่าการเข้ามาของอดีตแบ็คซ้าย บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เขาเปลี่ยนทีมให้มี “ทรงบอล” ที่เข้มข้นมากขึ้นในการรับส่งบอล และเปลี่ยนจากรับไปเป็นรุกแบบฉับพลัน น่าสนใจเลกสองไม่น้อยในการพาทีมหนีตาย ลุ้นว่าจะสามารถจบอันดับใด แต่ก่อนหน้านั้นต้องหนีจาก “เรด โซน” ให้ได้เสียก่อน
สุเมธ อยู่โต (ชัยนาท ฮอร์นบิล)
กลับมารับตำแหน่งคุม “นกใหญ่พิฆาต” อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม “โค้ชเมธ” ก็ไม่เคยออกจากทีมไปไหน เพียงแต่เขาจะขึ้นๆ ลงๆ ระหว่าง ชุดอคาเดมี กับ ชุดใหญ่ อยู่เป็นประจำ อาจจะเรียกได้เต็มปากเลยว่า เขากลายเป็น “วัน แมน คลับ” ของทัพ “นกใหญ่พิฆาต” อย่างแท้จริง
สถานการณ์ในตอนนี้แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในโซนตกชั้น แต่ก็อยู่ในระยะประชิตกับที่ 16 ของตาราง อย่าง เกษตรศาสตร์ เอฟซี มากทีเดียว ต้องดูว่า “โค้ชเมธ” ที่พา อบจ.ชัยนาท สร้างชื่อเสียงในวงการฟุตบอลขาสั้น จะทำให้ทีมอยู่รอดในไทยลีก 2 ได้หรือไม่
เรียกว่าเป็น 8 เทรนเนอร์คนไทยยุคใหม่ ที่มีความน่าสนใจในแบบฉบับของตัวเอง และเป้าหมายก็คงจะต่างกันในแต่ละสถานการณ์ของสโมสร มารอดูว่าผลงานของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป ในการผจญภัยครึ่งทางหลังของไทยลีก 2 ฤดูกาล 2023/24
ขอบคุณเนื้อหาจาก Thsport.com