เจมี่ ไบโน-กิตเท่นส์ แนวรุกดาวรุ่งของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ปลาบปลื้มกับคำยกย่องของ จูด เบลลิงแฮม ที่ระบุว่าเขาจะเป็นผู้เล่นคนต่อไปที่คว้ารางวัล โกลเด้น บอย
เจมี่ ไบโน-กิตเท่นส์ แนวรุกวัย 19 ปีของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มีโอกาสก้าวขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงรางวัล โกลเด้น บอย ตามที่ จูด เบลลิงแฮม มิดฟิลด์วัย 20 ปีเจ้าของรางวัลดังกล่าวคนล่าสุดทำนายอนาคตอดีตเพื่อนร่วมทีมของเขา
แนวรุกวัย 19 ปีของ เบเฟาเบ มีโอกาสพูดคุยเกี่ยวกับชีวิตของเขาที่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ พร้อมทั้งกล่าวถึงเพื่อนร่วมชาติอย่าง เจดอน ซานโช่ แข้งตกอับของ แมนฯยูไนเต็ด รวมถึงเรื่องราวต่างๆที่น่าสนใจ
คุณเคยดูงานแจกรางวัล โกลเด้น บอย หรือไม่?
'ผมไม่ได้ดู ผมพลาดมัน แต่ผมเห็นว่าเขา (เบลลิงแฮม) ได้รับรางวัล ผมจึงดีใจที่เขาคว้ารางวัล เขาทำได้ดีจริงๆ'
คุณได้ยินสิ่งที่ จูด เบลลิงแฮม พูดเกี่ยวกับคุณในงาน โกลเด้น บอย หรือไม่?
'ใช่, จริงด้วย ผมลืมเรื่องนี้ไปเลย คำพูดดีๆจากเขา เขามีศรัทธาในตัวผมและเขาเชื่อในตัวผมว่าจะทำให้ดีขึ้นเพื่อตัวเอง มันเป็นคำพูดที่ยิ่งใหญ่จากเขา คำพูดที่ยิ่งใหญ่จริงๆ'
คุณทำได้ดีใช่หรือไม่?
'ใช่, ผมอยู่กับเขามาหนึ่งหรือสองปีที่ ดอร์ทมุนด์ ผมคิดว่าเขาเป็นคนดีจริงๆ ทำงานหนักจริงๆ ทั้งในการฝึกซ้อมและนอกสนามด้วย เป็นคนดีจริงๆ'
คุณได้ติดต่อเขาหรือไม่หลังจากนั้น?
'ใช่, ผมบอกเขาว่า 'ขอบคุณมาก' สำหรับความเชื่อมั่นในตัวผม ผมแค่ต้องทำงานหนักต่อไปและหวังว่าจะเป็นเหมือนเขาและหวังว่าจะคว้ามัน (โกลเด้น บอย)'
โทรศัพท์คุณเงียบลงหลังจากข้อความนั้นหรือไม่?
'ใช่, เพิ่งได้รับ WhatsApps และ ดีเอ็ม จำนวนมากจากทุกคนที่พูดว่า 'โอ้พระเจ้า, จูด พูดเรื่องนี้เกี่ยวกับคุณ แต่เขาเป็นเพื่อนของผม ดังนั้นผมจึงพูดคุยกับเขาเกือบตลอดเวลา เป็นคำพูดประจบประแจง'
ทำไม ดอร์ทมุนด์ จึงเป็นสถานที่พิเศษสำหรับนักเตะดาวรุ่ง?
'เพราะผมเชื่อว่าพวกเขามีความพร้อม แนวทางการเล่น นักเตะทุกคนรอบๆเรา พวกเขาช่วยเราปรับปรุงทุกวันในการฝึกซ้อม ในสนามและคุณลงเล่นตั้งแต่อายุยังน้อย พวกเขาไว้วางใจให้เราแสดงผลงานบนเวทีที่ยิ่งใหญ่สุด นั่้นคือสิ่งที่ผมจะพูด'
คุณลงเล่นตัวจริงมาแล้ว 8 ครั้งในฤดูกาลนี้ คุณมีความสุขไหม?
'ใช่, มันเริ่มดีขึ้น มีแรงผลักดันขึ้นเรื่อยๆ พยายามที่จะคิดแง่บวกและทำงานต่อไปเพื่อบรรลุเป้าหมาย'
เป้าหมายของคุณในฤดูกาลนี้คืออะไร?
'แค่พยายามเป็นส่วนสำคัญในทีม ถ้านั่นเป็นการทำประตู แอสซิสต์ หรือสร้างผลกระทบใดๆ นั่นคือเป้าหมายของผมในทีม'
คุณจัดการกับอาการบาดเจ็บไหล่ของคุณอย่างไร?
'มันเกิดขึ้นตั้งแต่ผมอายุ 14-15 อาการบาดเจ็บไหล่ แต่ตอนนี้มันจบแล้ว แค่ต้องทำงานหนักบนไหล่ของผมต่อไป ทุกอย่างคงจะดี'
คุณประสบปัญหาบาดเจ็บไหล่มานานหรือยัง?
'ใช่, ผมจะบอกว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ตอนนี้ผมผ่าตัดไหล่ทั้งสองข้างแล้ว ดังนั้นมันควรจะเป็นครั้งสุดท้าย'
คุณจะทำอย่างไรเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บเช่นนี้ในอนาคต?
'เพิ่มความมั่นคงบริเวณไหล่มากขึ้นเหมือนกับการทรงตัวและความแข็งแกร่ง มันน่าจะดี'
ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มันไม่ใช่เรื่องปกติของผู้เล่นชาวอังกฤษที่มีความสามารถโดดเด่นจะย้ายมาเยอรมนี มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?
'ในหัวของผมที่ชัดเจนตอนนี้คือ เจดอน (ซานโช่) คนแรกที่เข้ามาในหัวผมจริงๆ เล่นตั้งแต่อายุยังน้อยและทำได้ดีจริงๆ สถิติที่ยิ่งใหญ่ในลีกและรายการใหญ่ๆ และ จูด เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ ผมกำลังพยายามตามรอยพวกเขาและทำได้ดี'
คุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับ เจดอน ซานโช่ มากแค่ไหน?
'ใช่, ผมพบเขาในปีแรกที่ผมมาถึง ผมเคยไปตัดผมกับเขาบ้างที่บ้านหรืออะไรประมาณนี้ ชิลล์เอาท์กัน เล่นเกม ฟีฟ่า นิดหน่อย เขาเป็นคนดีจริงๆ'
อะไรคือเคล็ดลับดีที่สุดที่พวกเขาทั้งสองคน (เบลลิงแฮม และ ซานโช่) มอบให้คุณ?
'ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แค่พยายามพัฒนาตัวเองต่อไป เป็นตัวของตัวเองในเวอร์ชั่นดีที่สุด และทุ่มเททำงานหนักทุกวันเพื่อให้ดีขึ้น'
จุดเริ่มต้นของคุณเป็นอย่างไร? คุณเข้าสู่วงการฟุตบอลได้อย่างไร?
'ผมคิดว่าเป็นตอนที่ผมอายุ 6-7 ขวบ ในโรงเรียนประถม ผมเล่นกับเพื่อนๆในสนามเด็กเล่น เราเรียกมันว่า 'เวมบลีย์' เกมนี้ที่คุณเล่น เหมือนกับที่คุณยิงประตู แค่สนุกกับมัน ผมจำได้ว่ามีความสนุกสนามในช่วงเวลาเหล่านั้น'
เราได้พูดคุยกับโค้ชเก่าของคุณมาร์ติน บีนี่ย์ คุณมีความทรงจำอะไรในช่วงเวลานั้น?
'นั่นคือโค้ชคนแรกของผมตอนผมอยู่ที่ เคเวอร์แชม เทรนท์ส ยู-6 หรือ ยู-7 ว้าว, นั่นเป็นการย้อนความหลัง อย่างที่คุณบอกผมว่าผมเคยแค่วิ่งเล่น สนุกสนาน เตะบอล วิ่งไล่ตามมัน และทำทุกวัน ผมสนุกกับช่วงเวลาเหล่านั้นจริงๆ สนุกมาก'
เขาสอนอะไรคุณบ้าง?
'แค่สนุกกับการเล่นฟุตบอล ชนะ, แพ้ แค่พยายามและยิงประตูหรือวิ่งไปรอบๆ มีพลังงาน ผมไม่รู้ ผมอธิบายไม่ถูกจริงๆ'
อาชีพของคุณดำเนินต่อไปอย่างไร เส้นทางของคุณคืออะไร?
'จากนั้น ผมได้ไปทดสอบฝีเท้าที่ เชลซี แล้วก็ เร้ดดิ้ง ด้วย แต่ผมเลือก เร้ดดิ้ง เพราะมันอยู่ใกล้บ้านผม ผมอยู่ใน เร้ดดิ้ง ตั้งแต่ชุดยู-9 จนถึง ยู-14 จากนั้นผมไป แมนฯซิตี้ สองปี จากนั้น ผมมาที่เยอรมนีตอนผมอายุ 16 ปี ตอนนี้ผมอยู่ที่นี่แล้ว'
เรายังได้พูดคุยกับอดีตโค้ชของคุณ รีห์ส เดนตัน มีความทรงจำดีๆบ้างไหม?
'นั่นคือ เดนท์ จาก เร้ดดิ้ง อะคาเดมี่ เขาอยู่ที่นั่นหนึ่งปีก่อนที่ผมจะจากไป ผมเคยเห็นเขาแถวๆนี้อีกครั้ง เขามีแคแร็กเตอร์ที่น่ารักมาก เป็นคนดีจริงๆ ผมเคยคุยกับเขาบ่อยมาก เขาฝึกผมบางครั้ง แค่เป็นคนดีจริงๆ'
แม้กระทั่งตอนนั้นคุณยังเห็นความสุขในการเล่นของคุณใช่ไหม?
'ใช่, ผมเคยเลี้ยงบอลไปรอบๆ ไม่ส่งบอล แต่ยังคงสนุกกับลูกบอล ทำสเต็บโอเวอร์หรืออะไรก็ตาม ตอนนั้นมันแค่สนุกนะ'
คุณได้พัฒนาความสามารถ/ทักษะของคุณในช่วงเวลาที่ค่อนข้างสนุกและไร้ความกังวลเช่นนี้หรือไม่?
'ใช่, ทักษะของผม ใช่, ผมเคยแค่ อย่าคิดถึงขั้นตอนหรืออะไรเลย แอสซิสต์หรือประตู แค่ออกไปข้างนอกแล้วพยายามฉีกคนตรงหน้าผม สเต็บโอเวอร์ ทำให้เขาอับอาย นั่นคือความคิดของผมในตอนนั้น แค่เลี้ยงบอลไปรอบๆ เขาแล้วทำให้เขาอับอาย'
คุณจัดการสมดุลระหว่างความเป็นมืออาชีพและความสนุกสนานในสนามได้อย่างไร?
'การมาเล่นฟุตบอลอาชีพในตอนแรก มันยากสำหรับผมที่จะลองสร้างสมดุลด้านความสนุกของมัน การเลี้่ยงบอล จากนั้นผมก็รู้ว่าจะต้องทำอะไรในสนาม ผมต้องทำมันในพื้นที่ส่วนที่สามสุดท้าย ไม่ใช่ในแดนตัวเองเสมอไป และต้องเข้าสกัดเพื่อให้พวกเขาทำประตู หรือแค่ไม่ถูกสกัดแบบโง่ๆ ผมต้องพยายามและฉลาดกับมัน ตอนนี้ผมกำลังปรับตัวกับการทำมันในพื้นที่ที่เหมาะสมของสนาม พยายามสร้างสมดุลในการจ่ายบอลด้วยเช่นกัน เพื่อสร้างโอกาสทำประตู'
ตอนย้ายไป แมนฯซิตี้ เป็นย่างก้าวสำคัญของคุณใช่หรือไม่?
'ผมนั่งรถไฟไปถึงที่นั่นโดยใช้เวลา 3 ชั่วโมง ผมจะอยู่บ้าน ผมจะอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์เป็นเวลา 2 ปีตอนผมอยู่ที่นั่น ผมไปโรงเรียนใหม่ในแมนเชสเตอร์ พบปะผู้คนใหม่ๆ เพื่อนใหม่ สำเนียงภาษาที่แตกต่างกัน สำเนียงแมนคูเนียนจะแตกต่างจากสำเนียง เร้ดดิ้ง และสำเนียง ลอนดอน มันเป็นการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่'
นั่นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตนักฟุตบอลที่หลายคนไม่รู้ใช่ไหม?
'ใช่, ผมต้องจากครอบครัวที่เร้ดดิ้ง นั่นเป็นเรื่องยากสำหรับผมและพ่อแม่ของผมด้วย พวกเขามักจะโทรหาผมทุกวันเพื่อดูว่าผมเป็นอย่างไรบ้าง ทำให้แน่ใจว่าผมได้ทานอาหารเย็น อาหารกลางวัน หรืออะไรก็ตาม เพียงแค่สิ่งเล็กๆน้อยๆ พวกเขาจะตรวจสอบผม'
อะไรเปลี่ยนแปลงไปเมื่อคุณย้ายไปเยอรมนี?
'แน่นอน ประเทศที่แตกต่าง ภาษาแตกต่าง วัฒนธรรมแตกต่าง ตอนที่ผมมาครั้งแรกมันเป็นช่วงล็อคดาวน์ ดังนั้นผมจึงติดอยู่ในบ้านพักของนักเตะเยาวชนในอะคาเดมี่'
มีช่วงเวลาที่ยากลำบากบ้างไหม?
'ใช่, แน่นอนเพราะเราไม่มีเกม เราแค่ซ้อมกันทั้งปี พอจบฤดูกาล ผมได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้า เลยต้องพักประมาณ 2 เดือนแล้วกลับมา จากนั้นผมทำมันอีกครั้ง ผมคิดว่าฤดูกาลหน้าผมจะเริ่มเล่นอีกครั้งเพราะโควิดใกล้จะจบแล้ว ค่อนข้างยาก ค่อนข้างยาก'
จุดเริ่มต้นของคุณในบุนเดสลีกาเป็นอย่างไรบ้าง?
'นั่นเป็นเรื่องเหนือจริงนะ ผมจะบอกว่าการเล่นใน ซิกนาล อีดูน่า ปาร์ค นั้นใหญ่สำหรับผมเพราะสนามใหญ่มาก แฟนบอลก็เสียงดังมาก อะดรีนาลีนในเกมนี้มันพลุ่งพล่าน ผมจำได้ว่าในเกมกับ โบคุ่ม คือการออกสตาร์ทครั้งแรกของผม ผมตื่นเต้นมากที่ได้เล่นต่อหน้าฝูงชนกลุ่มนี้'
คุณพ่ายแพ้ต่อ โบคุ่ม และ บาเยิร์น มิวนิค ในการลงเล่น 2 เกมแรกของคุณใช่หรือไม่?
'ใช่, เราแพ้ โบคุ่ม 2-3 ผมคิดว่าตอนนั้น ผมไม่รู้ หลังจากนั้นผมคิดว่ามันเป็นแบบนั้น'
ความทรงจำของคุณในเกมแรกในมิวนิคของคุณคืออะไร?
'มันเป็นเกมเยือน บาเยิร์น มิวนิค แล้วกับ โบคุ่ม ในบ้าน แน่นอนว่าสำหรับทีมมันยากที่พ่ายแพ้ แต่จากตรงนั้นเราแค่ต้องเรียนรู้ ผมได้เรียนรู้มากมายจาก 2 เกมนี้ เคยเล่นฟุตบอลอาชีพ มันเร็วขึ้นมาก มีสภาพร่างกายดีขึ้น'
อะไรคือความแตกต่างระหว่างฟุตบอลเยาวชนกับฟุตบอลอาชีพ?
'มันเป็นด้านฟิตเนสมากกว่า ด้านฟิตเนสถือเป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่จากอะคาเดมี่ ในอะคาเดมี่คุณอาจจะวิ่งประมาณ 8 หรือ 7 กิโลเมตร แต่ฟุตบอลอาชีพคุณต้่องวิ่ง คุณต้องสปรินท์มากขึ้น ด้วยความเร็วที่สูงขึ้น ป้องกันในฐานะทีม คุณต้องอยู่ถูกที่และถูกเวลา มันซับซ้อนกว่าที่จะอธิบาย มันเป็นทางกายภาพมากขึ้น'
คุณต้องทำความคุ้นเคยกับจำนวนเกมด้วยหรือไม่?
'ตอนนี้มีเกมมากขึ้น เราเล่นสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เราเล่น 3 เกมในช่วง 5 วันหรือ 6 วัน มันยากมากที่จะทำความคุ้นเคยในบางครั้ง'
คุณจะรับมือกับช่วงขึ้นๆลงๆอย่างไร?
'ผมพยายามคิดบวก ผมพยายามแล้ว ถ้าผมมีวันที่แย่หรือทำได้ไม่ดีเท่าที่ผมสามารถทำได้ ผมแค่พยายามมองโลกในแง่ดีและคิดถึงเกมถัดไปที่กำลังจะมาถึง คุณต้องพยายามสร้างโมเมนตัมและคิดแง่บวกต่อไป'
คุณเล่นเกมโดดเด่นในการเผชิญหน้ากับ เอซี มิลาน บนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกใช่หรือไม่?
'ใช่, มิลาน เป็นเกมที่ดี ประตูแรกของผมในแชมเปี้ยนส์ลีกที่มีผมมีความสุขมาก เราชนะเกมนี้ด้วย นั่นสำคัญมาก'
คุณวางแผนจะกลับไปสู่จุดแข็งของคุณในบุนเดสลีกาอย่างไร?
'เราแค่ต้องพยายามและดีขึ้นทุกวันอีกครั้ง พัฒนาตัวเราเอง พยายามและดีขึ้น มีสมาธิกับเกมมากขึ้นและยึดติดกับแผนเกมในบางครั้ง แค่ทำงานให้หนักสุดเท่าที่จะทำได้เพื่อชนะเกม'
คุณจะพูดอะไรกับโค้ชคนเก่าๆของคุณบ้าง?
'ผมอยากจะบอกว่า 'ขอบคุณมากสำหรับคำพูดดีๆของคุณและความเชื่อมั่นในตัวผมตั้งแต่อายุยังน้อยว่าจะไปได้ไกลและสนุก ผมซาบซึ้งพวกคุณจริงๆ ขอบคุณ''
ใครให้การสนับสนุนคุณเป็นพิเศษในการก้าวไปสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ?
'แน่นอน พ่อแม่ของผม ตัวแทนของผมก็เช่นกัน เพื่อนสนิทของผมใน เร้ดดิ้ง ด้วย'
คุณยังติดต่อกับเพื่อนเก่าๆของคุณหรือไม่?
'ใช่, แน่นอน ผมคุยกับพวกเขาเกือบทุกวัน'
แล้วมิตรภาพเก่าๆสำคัญแค่ไหน?
'ผมไปโรงเรียนกับพวกเขา เพื่อนๆของผมใน เร้ดดิ้ง ผมรู้จักพวกเขามาตั้งแต่อายุ 12-13 ปี เราแค่รักษาความสัมพันธ์นั้นไว้อย่างแนบแน่นตั้งแต่วันนั้น'
เพื่อนๆของคุณส่งข้อความอะไรมาถึงคุณหลังคำพูดของ เบลลิงแฮม?
'พวกเราส่งโพสต์ดังกล่าวมาให้ผม พวกเราส่งข้อความหาผมทันทีและพูดว่า 'เขาบอกว่าคุณจะคว้า บัลลง ดอร์' ไม่ใช่สิ โกลเด้น บอย ขอโทษด้วย แต่ใช่, นั่นเป็นสิ่งที่ดี'
ขอบคุณเนื้อหาจาก Thsport.com